Article

ว่าด้วยเรื่อง คอนเสิร์ตที่เปิดในโรงมหรสพ บรรยากาศและสิ่งที่ควรจะเป็น

หัตถาครองพิภพ May 06, 2013

ผมคิดมานานแล้ว และก็ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่คิดว่า  โรงหนังหรือโรงภาพยนตร์นั้น  สามารถใช้ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณๆคิด  ได้มากกว่าการไปนั่งกินป็อปคอร์นชีสกับเป๊ปซี่ ชุดละ150บาท  ซึ่งป็อปคอร์นมันอร่อยจริงๆไม่เถียงเย  และก็เราก็เข้าไปนั่งดูหุ่นยนต์ตัวโปรด ไม่ว่าจะเป็น Pacific Rim หรือ Transformers 4  โผล่พ้นจากพื้นน้ำแล้วปล่อยมิสไซล์แต่ล็อคเป้าไล่ยิงสัตว์ประหลาดจากนอกโลก  หรืออาจจะเข้าไปนั่งหัวเราะกรามค้างกับหนังไทยดีๆหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น  พี่มาร์คบร๊ะโขนง ที่ตอนนี้พุ่งไป500ล้านแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าไอ้แดงมันยังจำเป็นอยู่รึเปล่าตอนนี้ .. หรือแม้แต่หนังในตำนานพื้นพิภพสยาม อย่าง ดึก ดำ ดึ๋ย .. เอิ่ม..  เอาเป็นว่า   ที่เกริ่นมาทั้งหลายแหล่นี้  คือสิ่งที่เราทำและใช้กันเป็นประจำอยู่ในโรงหนังอยู่แล้ว .. แต่จริงๆมันใช้งานได้เยอะกว่านั้นอีก
 
ด้วยข้อได้เปรียบทางด้านความกว้างใหญ่ของสถานที่ และอากาศที่แม้จะไม่ถ่ายเทมาก แต่ก็หายใจกันออกด้วยระบบair conditioner  มันสามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย  ขอยกตัวอย่างก่อน เช่น  ขนาดของจอระดับบิ๊กเบิ้มนั้น  ก็สามารถใช้เปิดถ่ายทอดอะไรอย่างอื่นนอกจากหนังได้  เช่น แมตช์การแข่งขันฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก UCL หรืออะไรก็ตาม  ที่สามารถรองรับได้ถึงระดับ Full HD ของการถ่ายทอดกีฬาในยุคใหม่  คิดสภาพดูว่า  คงจะเต็มตาแน่นอน ถ้ามีเศษหญ้าปลิวให้เห็นชัดๆ  จากจุดที่โรน้าวโด้ว ยิงRocket Freekick แล้วเศษดินระเบิดให้ผู้ชมเห็นชัดๆ  หรือถ้าจะมีใครสักคนทำน่าเกลียดด้วยการกัดแขนคู่ต่อสู้  ทุกท่านก็จะได้เห็นพฤติกรรมนั้น รวมทั้งรอยการโดนฟัดเฉาะอย่างชัดเจนแน่นอน ฮ่า    นั่นคือประโยชน์อย่างนึงของโรงหนัง  นอกจากนั้นก็ยังสามารถใช้จัดโชว์ จัดมินิคอนฯ ในนั้นได้  รวมถึงการใช้เปิดงานแถลงข่าว  หรือเป็น Meeting งานเปิดตัวระบบอะไรได้อีกมากมาย  ที่จะใช้โชว์ศักยภาพ หรือ Featureของสินค้าของตน   ด้วยความกว้างและความสามารถในการรองรับผู้ชม  จึงทำอะไรได้อีกมาก
 
และแน่นอน  ความกว้างที่รองรับคนได้  มันจึงเกิดเรื่องราวของการที่จะถ่ายทอด “คอนเสิร์ต” ในรูปแบบของภาพยนตร์ผสมบันทึกการแสดงสดได้  ก็จะมีการinsertช็อต ซีนอธิบาย หรือเรื่องราว Side Story ต่างๆของคอนเสิร์ตนั้นเข้ามาเพิ่มเติมได้   ซึ่งเป็นหัวข้อที่เราจะพูดกันในวันนี้   ถามว่ามันดีไหม   แน่นอนครับ มันมีแต่เรื่องดีแน่นอน เป็นหนึ่งของแนวทางในการใช้โรงหนังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ   ในการใช้ดูคอนเสิร์ตก็ได้  แม้เราจะไม่ได้ดูสดๆ  แต่บรรยากาศการได้ฟังเพลง ได้ดูศิลปินที่เราชอบในโรงใหญ่ๆ  เสียงดีๆใสๆแล้ว   บรรยากาศมันก็ไม่แพ้การได้ไปดูในhallของจริงเลย   หรือถ้าใครได้ไปแล้ว  ก็ยังสามารถมาเสพตรงนี้เพื่อซ้ำเติมความรู้สึกของตนให้ลึกและประทับใจยิ่งขึ้นไปอีกก็ได้
 
สาเหตุที่เขียนในหัวข้อแบบนี้ก็เพราะการเป็นกระแสและเป็นประเด็นของภาพยนตร์ของ BodySlam นั่งเล่น นั่นละครับ  ที่เป็นคอนเสิร์ตหนึ่งที่ได้รับความสนใจและความนิยมค่อนข้างมาก  กับการเปลี่ยนแนวดนตรีที่ปกติ BS จะเป็น Rock แบบเต็มขั้น  มีริฟกีต้าร์ดุๆจากพี่ยอด  กลองอันหนักแน่นจากตาชัช  ไลน์เบสเดินเท่ๆของปิ๊ดๆ  และน้ำเสียงบวกกับความบ้าระห่ำในบางครั้ง  และข้อคิดคำพูดที่ทรงพลังจากพี่ตูน.. แต่คราวนี้มาเป็นแบบอะคูสติค  เล่นกันด้วยเสียงคลีน ฟังสบายๆ  เปลี่ยนจังหวะ เปลี่ยนฟีลลิ่งของเพลง  ทำให้ได้รับความบันเทิงจากงานเก่าในอีกรูปแบบใหม่  ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นกระแสมิติใหม่ของบ้านเราด้วยที่จะได้มีอะไรที่แปลกแหวกแนวให้คนได้เลือกเสพกันบ้าง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว  หลายคนก็อาจจะไม่รู้หรือเข้าใจผิดว่า  นี่คือครั้งแรกของประเทศไทย  แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
 
ขออ้างอิงจากข้อมูลของเพจ  คุยเรื่องหนัง ใน Facebook ว่า จริงๆแล้วก่อน BS ในบ้านเราก็มีการฉายหนังกึ่งคอนเสิร์ตแบบนี้มาก่อนแล้ว   ที่ตัวผู้เขียนรับทราบและจำได้ชัดเจนเลยก็คือ  งานของ MJ นั่นแหละครับ  หนังเรื่อง Michael Jackson This is it ที่เป็นเบื้องหลังเบื้องหน้าและทุกๆอย่างที่หลงเหลืออยู่ของราชาเพลงป็อปผู้ล่วงลับที่ผมนับถืออย่างมาก นั่นก็เป็นครั้งหนึ่งที่คอนฯ ได้เข้าโรงหนังในบ้านเรา  นอกจากนี้ก็ยังมีของ Rain The best show 3D จากเกาหลี    Coldplay และที่ไม่ได้ตัดเป็นสารคดีเป็นคอนเพียวๆอย่าง Westlife วงBBในตำนาน ก็มีเช่นกัน  เก่าๆหน่อยก็ย้อนไปถึง Bigbang SS501 และ จียง นู่นนนเลย ปี53  แถมปีก่อนก็ยังมี “หนังสารคดีเบื้องหลังคอนเสิร์ต Live in Bangkok Fever” ของวงภูมิจิต วงร็อคที่ผมสนใจมากอีกวง  
 
จะเห็นได้ว่าจากข้อมูลเหล่านี้เราก็รู้แล้วว่า นั่งเล่น ไม่ได้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย  แต่ถือว่า BodySlam นั่งเล่น เป็นผู้ที่จุดประกายเรื่องการทำหนังสารคดีคอนฯ กึ่งภาพยนตร์แบบนี้  ในประเทศไทยได้ดีมากๆเลย   เป็นครั้งแรกที่ คนจำนวนมากไปดูแล้วกลับมาแชร์ต่อกันในโลกinternet ว่าเป็นอย่างงู้น ดีอย่างนี้  อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากสารคดีกึ่งหนังคอนฯแบบนี้  เนื่องจากแฟนเพลงของ Bodyslam ก็มีมากอยู่แล้วด้วย  รวมกับความน่าสนใจของคอนฯนี้  ซึ่งผู้เขียนก็ยังไม่มีโอกาสได้ดูเหมือนกัน จึงเป็นเรื่องราวอันดีที่จะถูกนำมาถ่ายทอดในความยิ่งใหญ่ของโรงหนัง  เรียกได้ว่า ทำให้คนพลาดคอนฯ ได้รับความรู้สึกที่ใกล้เคียงของจริงมากๆ  และยังมีเรื่องราวอื่นๆที่ถูกนำมาสอดแทรกเพิ่มในหนังด้วย  เกร็ด รายละเอียดต่างๆ  และแน่นอน  ถ้าเราไปดูหนังประเภทนี้แล้ว  สิ่งที่เราควรจะทำ และทำได้แบบไม่ต้องอายใคร  นั่นก็คือการไปแหกปากร้องเพลงเหล่านั้น  ตามสิ่งที่ปรากฏบนหนัง   ปรบมือ โยก  สนุกสนาน  ประหนึ่งคุณอยู่ในคอนเสิร์ต  นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่พึงกระทำที่จะทำให้เราได้รับอารมณ์ร่วมกับหนังและคอนฯมากยิ่งขึ้นไปอีก
 
สิ่งเดียวที่อยากฝากเพิ่มเติม ก็คือ บุคลากรที่จะทำหนังประเภทนี้มานั่นละครับ  อยากให้ไปศึกษาการตัดต่อ และจังหวะ การinsertคลิปหรือช่วงต่างๆเข้ามา  ทำให้มันเนียนเพิ่มมากขึ้นกว่านี้   จากที่เห็นหลายๆคนบ่นมา ตั้งแต่นู่นแล้ว Live in คราม   ถ้าพัฒนาตรงนี้ให้สมบูรณ์มากขึ้นได้   ตังค์คุณจะกอบโกยได้มากกว่านี้อีก
 
ส่วนคนดู ก็จะกอบโกยหนังสารคดีกึ่งคอนเสิร์ตเหล่านี้  เข้าไปเก็บในความรู้สึกได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกเช่นกัน
win-win จ้า

คอนเสิร์ต, concert, นั่งเล่น