กลับ มาแล้วสำหรับวงร็อคขวัญใจวัยเฮ้ว ที่จะว่าไปก็ทิ้งช่วงการออกงานเพลงมาพอสมควร เรียกว่ามีช่วงหายไปให้คิดถึงกัน  มาวันนี้พวกเขาก็กลับมาแล้ว ด้วยแนวใหม่ที่สอดแทรกเข้ามากับตัวตนงานเพลงที่ยืนพื้นฐานบนร็อค  แต่ด้วยกระแสนิยมของโลกที่ไหลเวียนไป  กระแสนิยมของการเพิ่มเติมเสียงสังเคราะห์จาก synthesizer เข้ามาในงานเพลงในทุกๆแนว กำลังได้รับความนิยม   แม้แต่แนวร็อคก็หาได้รอดไม่  ด้วยการนำขบวนตีหัวหาดของLinkin Park หลังจากนั้นหลายๆวงบนโลกก็รับความเปลี่ยนแปลงนี้มา   จาก Retrospect ที่นำไปก่อนแล้วก่อนหน้านี้ด้วยซิงเกิล เจ็บกว่าคือฉัน  วันนี้ Sweet Mullet ก็ออกแนวนี้มาด้วยอีกวงด้วยซิงเกิล “จะเป็นจะตาย”
 

       
        ถ้าพูดถึงแนวเพลง มันก็อย่างที่เห็น มันก็คือ อัลเทอเนทีฟร็อค + เสียงelectronics ซึ่งมันก็คือ Electronic Rock นั่นเอง ไม่ต้องมองอะไรให้ยาก  ซึ่งมันก็บอกอยู่ในตัวว่าเป็นร็อคที่มีการเล่นเสียงสังเคราะห์เข้ามาทำให้ เพลงมีมิติและมีความมันส์ในแบบที่เครื่องดนตรีดิบพื้นฐานนั้นสร้างเสียงออก มาไม่ได้  ทำให้ได้ความมันส์ที่เหนือระดับยิ่งๆขึ้นไปอีก โดยเฉพาะคงถูกใจคนชอบฟังซาวด์ (เช่นผม) เป็นแน่แท้  ยิ่งเจอเพลงอย่างนี้  กิเลสมันยิ่งร้องว่า  “ไปอัพเกรดหูฟังได้แล้วว้อย!!” ฮา..

 

        เพลงนี้ก็ยังเป็นกลิ่นอายและทางดนตรีดั้งเดิมของ Sweet Mullet อยู่ ที่มีความเข้มข้นรุนแรง  และไลน์ดนตรี ริฟกีต้าร์หลายๆอย่างยังอยู่ครบ และบวกเสียงสังเคราะห์เข้ามา โดยเฉพาะการติดกลิ่นอายและเลือกใช้ Dubstep เข้ามาผนวกกับดนตรีที่โคตรจะมันส์  ทำให้ทุกๆอย่างมันส์อีก  คือเรียกว่า  วัยรุ่นสาวกมารดำมารขาว  คงโยกหัวหน้าคอมกันอย่างเมามันส์   ก็เล่น Dub กันตั้งแต่อินโทร  ไม่สะใจได้ยังไงกัน
 

        สุด ท้ายแล้ว แม้เพลงนี้จะมีการเพิ่มเติมเข้ามา แต่ Sweet Mullet ก็ยังไม่ได้เสียตัวตนไปนะครับ พื้นฐานก็เบสออน “ร็อค” อยู่  ฟังไม่ยากครับ  คิดว่าแฟนๆหลายๆคนคงหายคิดถึงกันไปบ้าง เช่นเดียวกับผมครับ^^  รออัลบั้มเต็มกันละทีนี้ ถ้าได้มันส์ๆแบบนี้ทั้งชุดจะเยี่ยมมาก

 

        ปล.  จะเป็นจะตาย : เครดิต คำร้อง ดุลยเกียรติ เลิศสุวรรณกุล, ปัณฑพล ประสารราชกิจ, ดนัย ธงสินธุศักดิ์ ทำนอง Sweet Mullet, ปัณฑพล ประสารราชกิจ  ..เรียบเรียง Sweet Mullet, Ae Boom Boom Cash  เห็นเครดิตตรงเรียบเรียงที่ปกติจะเป็นวงทำดนตรีกัน  มีคนมาช่วยเพิ่มเติมด้วย จึงทำให้เพลงมีมิติมากขึ้นอย่างที่เห็น ไม่แปลกใจ