ว่าด้วยเรื่องหนังที่มีชื่อว่า Life of Pi หลายๆท่านคิดว่าน่าจะได้เข้าไปชมกันในโรงภาพยนตร์กันมาบ้างแล้วนะครับ และผมเชื่อมั่นว่า  คนที่ได้เข้าไปดูเรื่องนี้ก็คงประทับใจและออกจากโรงมาอย่างมีความสุขได้ทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นหนังที่เล่าถึงเรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งสเกลของเรื่องมันกว้างๆ เป็นเรื่องราวทั่วไปที่มนุษย์ทุกคนสามารถรับชมและเสพได้แบบสบายๆตั้งแต่เด็กยันวัยชรา ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า  ทุกๆคนนั้นจะได้ประโยชน์ ข้อคิด และความสนุกกลับไปจากการดูหนังเรื่องนี้แน่ๆเพราะมันไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรเลยจริงๆ

 

 

ก่อนที่จะรีวิวตัว ost ก็คงต้องเอ่ยถึงตัวหนังก่อนคร่าวๆ เพราะเพลงอัลบั้มนี้ที่ผมจะรีวิวนี้ เป็น soundtrack ประกอบภาพยนตร์  ที่เป็น ”เพลงบรรเลง”  ประกอบเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เรื่องราวของหนังกำลังดำเนินไป เป็นเพลงที่ช่วยดึงให้อารมณ์ของหนังมันเด่นชัดมากขึ้น  และดึงผู้ชมให้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ และรวมถึงเข้าใจความรู้สึกของตัวละคร  ทั้งที่เป็นมนุษย์ และไม่ใช่มนุษย์   

 

Life of Pi เป็นเรื่องราวของการผจญภัยของแขกท่านหนึ่งที่ต้องระหกระเหินเดินทางจากมาตุภูมิไปสู่ดินแดนไกลโพ้นเพื่อแก้ปัญหาของครอบครัวที่เผชิญอยู่  โดยที่พวกเขาก็จะต้องนำสัตว์ ในสวนสัตว์ที่เป็นมรดกของบ้านเขา  นำติดตัวไปดูแลยังแผ่นดินใหม่ด้วย   ด้วยการโดยสารเรือข้ามไปยังอีกทวีปที่แสนไกล   เรื่องราวการผจญภัยของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเรียกตนเองว่า พาย Pi (3.1415… นั่นแหละครับ)   เรื่องราวต่างๆเริ่มขึ้นจากจุดนี้  ซึ่งผมคงจะไม่เล่าต่อแน่นอนว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง  แต่สำหรับคนที่อยากรู้การรีวิวหนังของผมแบบคร่าวๆโดยไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญแล้ว  ผมสามารถพอจะเล่าได้ว่า  มันก็เป็นหนังการผจญภัยที่ดูง่ายๆอย่างที่ผมบอก  โดยที่หลายๆคนน่าจะเห็นภาพจากตัวอย่างหนังหรือ โปสเตอร์ตามโรงหนังกันมาบ้างแล้วที่มี เด็กผู้ชาย และ เสือโคร่งเบงกอล อยู่บนเรือลำเดียวกัน   นั่นล่ะครับ  
 

 

          จุดเด่นของหนังเลยคือความดูง่าย สบายๆ เป็นการผจญภัยที่สนุกสนาน ตื่นเต้น และซึ้งแบบครบรสเลยทีเดียว   ธีมของเรื่องก็ประมาณนั้น  จุดยอดที่สุดอยู่ที่ความสวยงามของการกำกับภาพและ special effect นี่ละครับ   ภาพสวยสมคำร่ำลือจริงๆ   แต่ในส่วนของ “แก่น” ของเรื่องนี้  จะเน้นไปที่เรื่องราวของ Faith .. Believe หรือ ความศรัทธาและความเชื่อที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า  ไม่ว่าจะเป็นในศาสนาไหนๆก็ตาม   หนังเรื่องนี้ยังคงมีเรื่องราวของศาสนาสอดแทรกอยู่ในระดับที่ไม่เอียนและไม่เยอะจนเกินไป แต่เป็นการนำเสนอแง่มุมที่สวยงาม  และความแข็งแกร่งของจิตใจมนุษย์ที่จะต่อสู้กับสิ่งต่างๆ โดยตั้งมั่น และเชื่อว่า  พระผู้เป็นเจ้ารักพวกเรา  และมอบ “เส้นทาง” ที่จะเดินไปข้างหน้าให้กับพวกเราอย่างเหมาะสม ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่ผ่านพ้นเข้ามาสู่ชีวิต  ดั่งสายลมที่พัดผ่านในชีวิตของคนทุกคนนั่นเอง   แก่นเรื่องตรงนี้ทำให้หนังเรื่องนี้มีสาระและ โครงที่ค่อนข้างแน่น เพราะผู้สร้าง รู้ว่ากำลังสื่อสารอะไร  โดยที่จะมีการผจญภัยในเหตุการณ์ต่างๆ เป็นเหมือนน้ำจิ้มที่ทำให้หนังสนุก  และเป็นส่วนเติมเต็มของโครงเรื่องความเชื่อต่อพระผู้เป็นเจ้านั่นเอง  สองสิ่งนี้สำหรับผมแล้ว ผกก ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและลงตัวมากๆครับ

 

         จากที่ผมได้รีวิวไปคร่าวๆแล้ว น่าจะพอเห็นภาพกันได้ว่า Life of Pi เป็นหนังประมาณไหน  ดังนั้นเราจะมาพูดกันต่อถึงตัวเพลงที่อยู่ในหนัง  หรือ soundtrack ที่เรากำลังจะรีวิวกันอยู่นี้  อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นแล้ว  การฟังเพลงอัลบั้มนี้ จะคล้ายๆกับการดูหนังเรื่อง Les Misérables ที่ “should” และ “must” อย่างยิ่งยวดที่จะต้องดูหนังทั้งสองเรื่องนี้ให้จบรู้เรื่องก่อน คุณถึงจะกลับมาดื่มด่ำกับเพลงที่เป็น ost. เหล่านี้ได้เพราะไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า เพลงๆนั้น ณ โมเมนต์หนังตอนนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง  ภาพเป็นยังไง อารมณ์เป็นแบบไหน   ดังนั้น  เพลงจาก Life of Pi ชุดนี้  จึงเป็นงานเพลงบรรเลงที่เป็นบรรยากาศและเล่าถึงอารมณ์ของเหตุการณ์นั้นๆที่เกิดขึ้นในหนังทุกๆเหตุการณ์นั่นเอง  ซึ่งสิ่งที่ผมพอจะบอกได้แบบไม่สปอยล์ก็คือ เกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมากมายในเรื่อง ทุกๆอัน ผู้ชมจะประทับใจ และจดจำมันได้ในลักษณะของจินตภาพที่ตราตรึงในความรู้สึก  และเมื่อได้ฟังเพลง คุณก็จะนึกออกทันที   

 

         เพลงที่ผมเชื่อว่า  หลายๆคนน่าจะจดจำได้  หากได้ฟัง  ก็จะนึกถึงเหตุการณ์ในหนังนั้นๆได้ทันที  อย่างเช่นเพลงแรก Flying Fish ที่มีความสนุกสนาน  และน่าตื่นเต้น ปนความลิงโลดของตัวเอกในเรื่อง  ดนตรีสนุกๆขึ้นมาพร้อมกับภาพที่ลอยเข้ามาสังเคราะห์ในหัวเลยว่า  ฉากนั้นเป็นแบบนั้นนะ  
 

       
       Set  your  house in order  เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่มีจุดจำเฉพาะตัวอยู่ที่เครื่องดนตรีสายเอเชียใต้ที่นำเข้ามาผนวก  บวกกับการใช้ซาวด์ประมาณว่าอยู่ในดินแดนเวทมนตร์ที่ไหนสักแห่ง  อารมณ์ประมาณเดินเล่นใน world map ของเกมส์ final fantasy อะไรประมาณนั้นเลย  แต่เพลงนี้เป็นเพลงแรกในอัลบั้มที่ผมฟังแล้ว แบบว่า  เฮ้ยย ใช่ๆๆ ในหนังมีเพลงนี้แหละจำได้

       
       God Storm เพลงที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังดั่งชื่อเพลงที่เป็นส่วนประกอบในฉากนั้นๆ  ซึ่งในหนังก็จะเห็นเป็นฉากที่รุนแรงทรงพลัง  สับสนและน่าหวาดกลัวต่อพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ  ที่แสดงให้เห็นว่า  ไม่ว่ามนุษย์เราจะพัฒนาไปยังไง เราก็ยังเป็นแค่มดในโหลแก้วของพระเจ้า  เป็นเหมือนเศษธุลีในอุ้งมือของธรรมชาติอยู่ร่ำไป  มันยิ่งใหญ่และชวนให้เชื่อถึงพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ  

       The Island ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นเกาะ  ต้องไปดูเองว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสสำคัญในท้องเรื่องที่ผมเชื่อว่า  คนได้ดูต้องขนลุกเหมือนกับผมแน่ๆ  เพลงนี้ก็มีจุดจำอยู่ที่บรรยากาศและธีมของมันครับ  น่ารัก และ น่าพิศวงในคราเดียวกัน

       The Whale เพลงประกอบอารมณ์เหตุการณ์ที่สวยงาม ลึกลับ  แต่แฝงไว้ด้วยอันตรายบางอย่างซึ่งหากลุ่มหลงโดยไม่ทันระวัง  ก็อาจเป็นหายนะโดยพลังงานบางอย่าง  ก็เป็นได้… 
 

 

         เพลงอื่นๆที่ไม่ควรพลาด จากลิสต์ ost.เกือบ 30เพลง ก็ได้แก่ Pondicherry , Piscine Molitor Patel เพลงประกอบเรื่องราวเด็กชายพิสซีน..พายนั่นละ , Orphans .. และเพลงที่ขาดไม่ได้เพลงสุดท้าย นั่นคือ Richard Parker ตัวละครที่มีมิติแปลกประหลาดอยู่ในตัว อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ก็คงต้องไปดูในหนังเอาเอง  แต่สรุปแล้ว  งาน ost.ของหนัง Life of Pi นี้  สามารถใช้เป็นเพลงบรรเลงเพราะๆ ฟังได้เรื่อยๆไม่เบื่อ เหมาะสำหรับผู้ที่ได้ดูหนังนี้และยังอารมณ์ค้าง ก็สามารถมาเปิดคลอฟังเพื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ในหนังได้แบบไม่รู้ลืมเลือน  เป็นหนังที่ควรค่าแก่การใช้เวลาสองชั่วโมงนั่งดูมันจนจบ  อิ่มเอมกับภาพสวยๆ จนถึง สวยมากกกก และเนื้อเรื่องดีๆ น่าประทับใจ  เหมาะสำหรับเด็กๆด้วยนะผมว่า

 

         ดูหนังจบ ก็วิ่งไปซื้อโบโลน่าพริกจาก seven elephant  มาโยนให้แมวแถวบ้าน  แล้วใช้ไม้เคาะก๊อกๆที่ฝากระดาน เรียกมันมากิน ประหนึ่งว่ากำลังฝึกเสือโคร่งกันเลยทีเดียว