Album Review

อัลบัม !Uno ของ Green Day

หัตถาครองพิภพ October 08, 2012

       ผมไม่รู้ว่าคำที่ผมจะเขียนต่อไปนี้มันจะถูกแบน หรือทีมงานเค้าจะเซ็นเซอร์คำรึเปล่า แต่ผมอยากจะนิยามวงพังค์ร็อคในตำนานวงนี้ด้วยคำนี้จริงๆว่า “พวกพี่แมร่งร็อคจริงว่ะ!!”  เซ็นเซอร์เอาตามสบายเลยนะครับทีมงาน แต่มันต้องใช้คำแบบนี้กับวงแหกม่านประเพณีชาวโลกด้วยความหฤห่ามแบบนี้แหละ  กรีนเดย์ประวัติคร่าวๆ ก็ออกอัลบั้มมานานแล้วเป็นสิบอัลบั้มแล้วล่ะ ความดังคงไม่ต้องพูดถึง  ก็ขนาดถูกนำไปตั้งชื่อเป็นสแตนด์สุดร้ายกาจในการ์ตูนเรื่อง JOJOล่าข้ามศตรวรรษมาแล้ว และเคยได้รางวัล Best Rock Awards จากงาน Grammy มาแล้วในปี2010 ก็แหงล่ะ พวกพี่ร็อคซะขนาดนั้น สมาชิกคนหลักๆก็มีสามคนคือ Billie Joe Armstrong / Mike Dirnt เฮียสองคนนี้จับมือกันตั้งวงมานานแล้วคนนึงเล่นกีต้าร์คนนึงเล่นเบสตามลำดับ เป็นสเต็ปความฝันวัยรุ่น Teenage Dream ชัดๆ (ใครไม่อินไปเปิดหนังSucceedดูได้นะครับ) และตามือกลอง Tre’ Cool ที่เพิ่งมาช่วยกรีนเดย์ในตอนหลัง  ซึ่งคงไม่ต้องสาธยายอะไรเยอะนักฟังเพลงทุกๆคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเฮียๆเป็นเต้ยของพังค์ร็อคของโลกขนาดไหน  เพราะงั้นคงไม่ต้องเท้าความไปถึงเพลงเก่าๆอย่าง 21guns / American Idiot ที่โจมตีรัฐบาลขณะนั้น / When I come around หรือ Basket Case และเพลงขวัญใจผู้เขียนอย่าง Hitchin’a ride ที่เป็นสุดยอดจริงๆขนาดวงไทยยังเอามาเป็นต้นแบบไม่รู้กี่วง กี่เพลง - -*
 
 
       สำหรับอัลบั้ม !Uno ก็ยังคงไม่ทิ้งแนวเดิม พวกพี่แกยังพังค์และยังร็อคอยู่เหมือนเดิมไม่เสื่อมคลายพร้อมสิบสองเพลงที่จะแหวกรูหูของท่านให้เปิดกว้างและเข้าไปเสียดสีกระดูกภายใน ส่งสัญญาณไฟฟ้าไปทำให้เท้าของท่านขยับโดยมิได้นัดหมายกับสมอง(!?) เพลงแรกเปิดมา Nuclear Family เป็นเพลงเปิดที่ดีมาก ถึงขนาดว่า ผมอดที่จะขยับเท้าตามเพลงไม่ได้ มันสนุกจริงๆ และจังหวะแบบพังค์ร็อคแบบนี้เองที่ทำให้คนทั่วโลกหลงไปกับมัน 
 

       Carpe Diem เพลงที่เด่นทางเมโลดี้ดนตรีเก๋ๆแบบนี้เลย ที่เป็นของ Greenday กลิ่นอายที่ใครยากจะเลียนแบบ เป็นเพลงที่มีจุดจำทางด้านเสียงเมโลดี้ของกีต้าร์อีกเพลง

 Let yourself go เพลงนี้เป็นเพลงที่เร้าและ มันส์ที่สุดในอัลบั้มเลยมั้งครับ  อินโทรเริ่มมาก็ทำให้สำเนียงย้อนยุคสมัยฮาร์ดร็อคหน่อยๆ ลอยมาตามลม หอบเอากลิ่นอายของอดีตมาแตะจมูกก่อนเลย ก่อนที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับกลองสนุกๆในเพลงนี้ และที่สำคัญ เสียงกรีดหวีด เสียงแตกหน่อยๆในเพลงนี้  ทุกครั้งที่ได้ยินแม้ผมจะไม่ใช่สายอีโมเท่าไรนัก แต่มันสะใจสุดจริงๆเวลาได้ยินเฮียบิลลี่ scream แบบนี้

Kill The DJ เพลงนี้ริฟกีต้าร์เก๋ามากชอบ มันเท่มากจริงๆ พร้อมด้วย F*** Word ในท่อนฮุคที่เป็นของคู่กันกับ Greenday ไปแล้ว (ฮา)  ริฟกีต้าร์เด่นครับเพลงนี้ 
 

       Troublemaker เพลงนี้ผมยกให้เป็นไฮไลต์ของอัลบั้มเลย ขอให้เรท Perfect Punk Song สำหรับเพลงนี้ไปเลย อารมณ์แบบนี้ถ้าเป็นสมัยก่อน (หรือปัจจุบันด้วย) เหล่าเด็กผู้ชายที่ได้ยินเพลงนี้ คงโยกหัวด้วยความเมามันส์ พร้อมบางคนคงกลับไปบ้านไปเปิด PS1 แล้วเอาวินนิ่งมาเปิดเล่นกันเป็นแน่แท้  ก็มันช่างเหมาะจะเอาไปประกอบเกมส์ฟุตบอลเสียนี่กระไร เพลงนี้ผมไม่ต้องบรรยายสรรพคุณเพราะความ Perfect คือครบถ้วนทุกด้านโดยเฉพาะทำนอง กับเรียบเรียงดนตรีเพลงนี้  สุดยอดจริงๆครับผมยกขึ้นหิ้งให้อีกเพลงนึงเลย เป็นเพลงที่ฟังอัลบั้มนี้แล้วก็ไม่ควรพลาดแม้มันจะซ่อนปะปนอยู่ในtrackธรรมดาๆอื่นๆในอัลบั้มก็ตาม
 

       Oh Love  อีกเพลงหนึ่งที่น่าสนใจคือความเก๋าที่ซ่อนตัวอยู่จนเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม ที่มีกลิ่นอเมริกันเดินฝ่าทะเลทรายถือธงชาติอย่างภาคภูมิ (ผมจินตนาการเองนะ)  เก๋ามากครับเพลงนี้ ให้ความเป็นอเมริกันชนเท่ๆได้ดีเลยโดยเฉพาะท่อนฮุค  บิลลี่ร้องแล้วมันยิ่งใหญ่มากจริงๆ ดูตัวใหญ่ ส่งพลังสู่ผู้ฟังได้อย่างดี
 

       นอกจากนี้เพลงอื่นๆในอัลบั้มที่ผมไม่ได้พูดถึงก็มีเพลงที่มันส์ๆ โยกตามได้ตลอดทั้งอัลบั้มไม่ว่าจะเป็น Stay The Night , Loss of Control หรือ Fell For You เป็นต้น
 

       เอาเป็นว่า 12 เพลงเป็นเพลงที่พั๊งงงงงงงงงงงค์ มากๆ พังค์จริงๆ  โดยเจ้าพ่อพังค์ผู้ยังร็อคอยู่ในทุกลมหายใจ ใครแหย่พี่บิลลี่ของผมตอนกำลังองค์ประทับเล่นคอนเสิร์ต ก็คงต้องคิดหนักหน่อยล่ะ ไม่งั้นเราคงได้ยินประโยค You’ve gotta be f–ing kidding me! "I’m not f**king Justin Bieber, you motherf**kers! แบบนี้กันบ่อยๆแน่ๆ  (เหตุการณ์ฟาดกีต้าร์ของพวกเฮียแกบนเวทีคอนเสิร์ตที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน) 
 
       แต่จริงๆอยากจะบอกว่า ประโยคนี้ “สะใจชาวร็อคอย่างพวกผมจริงๆ!! F**king awesome words!!!”
 

Green Day, !Uno,