Movie

รีวิว Thor : Ragnarok “หนังที่ดีที่สุดของธอร์ และเสียงหัวเราะเย้ยหยันความตาย” [Spoiler Alert]

หัตถาครองพิภพ November 14, 2017

รีวิว Thor : Ragnarok  “หนังที่ดีที่สุดของธอร์
และเสียงหัวเราะเย้ยหยันความตาย” [Spoiler Alert]

 
คะแนน 8 / 10 
 
        ตั้งแต่ดูธอร์มา ภาคนี้น่าจะเป็นภาคที่ผมรู้สึกว่า ดีที่สุดในบรรดาหนังเดี่ยวของธอร์ 
และเป็นซีนที่ดีที่สุดของธอร์ด้วยเท่าที่มีเขามาในหนังของมาร์เวลทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Avenger
หรือภาคไหนๆก็ตาม  หนังภาคนี้ทำให้ คนที่ไม่เคยปิ๊งธอร์เลยอย่างผม หันกลับมากลายเป็นติ่ง
เจ้าแห่งสายฟ้า เอ้ย  “เทพ” แห่งสายฟ้าได้อย่างเต็มตัว ทั้งๆที่ดูยังไงก็ไม่เคยถูกใจเลยในทุกๆกระบวนท่า
ไม่ว่าจะเป็นคาแรคเตอร์ คอสตูม ความเท่ ฉากบู๊ พลัง ทุกอย่าง กลับกลายเป็นมาพีคเอาในภาคนี้เอง 
เรียกได้ว่า ภาคนี้น่าจะเป็นหนังของธอร์  ที่ส่งให้ธอร์เฉิดฉายได้มากที่สุด นับตั้งแต่มี MCU มาเลย

 
 
       ว่ากันด้วยเรื่องข้อดีก่อน สิ่งที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ คือการส่งให้บทของธอร์นั้น เด่นชัดมาก
ถึงมากที่สุด โอเคว่า มันเป็นหนังธอร์ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว พระเอกไม่เด่นสุดเจ๋งสุดได้ยังไง(วะ) 
แต่คำถามคือทำไมผมรู้สึกว่า ภาค 1 / 2 หรือรวมถึงอเวนเจอร์ ภาคอื่นๆ  ธอร์มันราบเรียบ มันเพลนมากๆ
ต่อให้เป็นหนังตัวเอง เขาก็ยังไม่โดดเด่นเลย ในทุกๆเรื่องไม่ว่าเรื่องไหนๆ  แต่กับ Thor Ragnarok นั้น
ธอร์เด่นเด้งขึ้นมามาก ทุกบททุกซีน ขับให้ธอร์เห็นได้ชัดเจนที่สุดว่า เป็นพระเอกที่ “โดดเด่น” จริงๆ

 
ไม่ใช่พระเอกที่ราบเรียบไปกับแค่การเล่าเรื่องเพื่อปะติดปะต่อจักรวาลMarvel เท่านั้น
 
       ข้อดีอย่างถัดมาที่เยี่ยมมากๆ นั่นก็คือ งานภาพ งานกำกับศิลป์  ผมว่าภาคนี้สมกับที่ผมได้รอคอยจริงๆ
นั่นก็คือเรื่องของ งานภาพ ฉากหลังของหนังที่อยู่ในจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นที่แอสการ์ด ซาคาร์ก็ตาม 
ภาพสวยมากกก แสง สี เสียง มาครบ และงานกำกับศิลป์ก็ดีงาม อันนี้ผมค่อนข้างให้คะแนนมาก
ถือเป็นปัจจัยสำคัญจริงในเรื่องภาพ รวมถึงCG ที่ก็ทำออกมาได้ดี อลังการจริงๆ 
เพราะหนังแบบนี้แหละ ที่ควรค่าและคุ้มกับเงินที่จะเสียตังค์เข้าไปดูในโรงกระหึ่มๆแบบนั้น 
ผู้เขียนไปดูที่ไอแมกซ์มา ก็ถือว่ามาเต็มตาดีมากๆ อันนี้ชอบสุดๆ  จุดนี้ถือว่า สมดังที่รอคอยหนังเรื่องนี้

 
 
        นอกจากนี้ ฉากแอ็คชั่น ฉากต่อสู้ มันคือฉากที่ดีที่สุดในBattle ของ Thor ที่เคยมีมาในทุกๆเรื่องที่ผ่านมา 
ถูกบทบู๊ของภาคนี้ ตีแตกกระจุยหมดในทุกๆซีน ทุกๆรอบการต่อสู้  เรียกได้ว่า ถูกภาคนี้ตีแตกกระจาย
เพราะแต่ละฉากที่ธอร์สู้ ทั้งที่ตอนยังมีค้อน ตอนไม่มีค้อน กากๆ และตอนพลังเทพเจ้าสายฟ้าระเบิดออกมานั้น 
เรียกได้ว่ามันส์มาก และสะใจทุกฉาก  คือมันเป็นแอ็คชั่นภาคบู๊ที่ดีที่สุดในระดับต้นๆ
ของหนังจักรวาล MCU เลยด้วยซ้ำมั้งเพราะยังไม่มีของเรื่องไหนที่ผมนึกขึ้นมาได้ในตอนนี้
ว่ามีบู๊ที่มันส์ และสะใจจริงๆ  คือมันถึงเลือดถึงเนื้อ พวกลูกกระจ๊อกกิกี้เวลาโดนอัด รู้สึกว่า มันโดนกระทืบ
โดนพลังทำลายเละแบบจริงๆจังๆ ไม่ใช่แกว่งค้อนไปมาแบบกิ๊กก๊อกเหมือนที่เคย

 
เป็นบทบู๊ที่ยอดสุดๆครั้งหนึ่งของหนังมาร์เวลเลย  รักมาก
 
 
       ซึ่งแน่นอน เอาแค่ที่เขียนมา มันก็อยากทำให้ผมดูซ้ำแล้ว และนอกจากนี้ เรื่องของบทก็กระชับดี
สามารถปูและจบได้โดยไม่เยิ่นเย้อ  รวมถึงตัวละครสมทบทุกๆตัว ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี
โดยเฉพาะวัลคิรี่ หรือ Srapper 142 นี่แม่งเป็นผู้หญิงสายบู๊ที่เท่แบบ Bad Ass ตัวแสบได้ใจจริง
นึกถึง WW ถ้ารายนู้นเป็นด้านสว่าง ฮีโรอีนจ๋าๆ  ตัวนี้คือสายดาร์ค แดกเหล้า แต่โคตรเท่เลย 
ส่วนตัวอื่นๆอย่าง โลกิ ก็ยังมีความยียวนเติมเสน่ห์ให้หนังได้เป็นอย่างดี 
ส่วนพี่ฮัลค์ ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าทุกฉากที่มา คือความทรงพลังของความบ้าคลั่งอย่างแท้จริง 
ทุกๆตัวแม้กระทั่งภารโรง ก็ยังมีช่วงให้โชว์ความเด่นได้  ผมถือว่า กระจายบทได้ดี
และก็ให้แอร์ไทม์ตัวหลัก4ตัว รวมตัวโกงอีกหนึ่งตัวได้อย่างพอดีมาก
(เจ๊เคทสุโค่ยมาก รักเจ้แกสุดๆในเรื่องนี้  ยังมีอะไรเท่กว่านี้อีกไหม ไม่มีแล้วเฮ้ย!)

 
 
        ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง ที่ไม่เขียนไม่ได้ นอกจากด้านบนแล้ว เอาง่ายๆเลยคือ มันดูแล้ว “สนุก” 
ดูแล้วลุ้นว่า จะชนะยังไง จะหาอะไรไปสู้  พระเอกจะเก่งเมื่อไหร่  คือดูแล้วมันสนุก
ด้วยความที่บทกระชับ ตัวละครโดดเด่น ฉากบู๊มันส์มากและโคตรเท่ มันทำให้ทุกอย่างสนุก
ซึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่ดึงตรงนี้ขึ้นมามันก็คือ มุก ตลกแบบ ตลกคาเฟ่ฝรั่งที่ใส่มาตลอดทั้งเรื่อง
มันก็ทำให้เราฮา และทำให้โทนหนังมันบันเทิงตลอดเวดีเหมือนกัน

 
 
       แต่สิ่งเดียวกันนี้แหละ คือจุดด้อยที่น่าตำหนิของหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็คือจุดที่ผมตัดคะแนนด้วย นั่นก็คือ
มุกตลกที่ว่าที่ทำให้เราบันเทิงนั้น มันใส่มาเยอะมากเกินไป แบบว่า  มุกห้าบาท สิบบาท ยิบย่อย ผจก
แกก็เอาหมด ซึ่งบางครั้งผมรู้สึกว่ามันพยายามยัดมาจนเฟ้อ พยายามให้เราขำมุก
นี่นึกว่านั่งดูแสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้าอยู่เลยทีเดียวเพราะมุกมาเยอะมาก ขนาดฉากซีเรียสๆ มุกก็ยังจะมาอีก
ขำไม่ขำก็เล่น  จนทำให้หนังมันสะเปะสะปะในเรื่องของอารมณ์ ที่ทั้งๆที่เป็นหายนะของแอสการ์ด
ถึงขั้นอาณาจักรล่มสลาย  น่าจะคุมโทนหนังให้ดีกว่านี้  นี่มาเอาเน้นฮาอย่างเดียว 
มันทำให้ผมค่อนข้างผิดหวังกับ “อารมณ์”  ของหนังตรงนี้มากที่เล่นมุกมากไป

 
        มันทำให้สนุกจริงๆ แต่คุณก็ทำให้ความจริงจังของเรื่องราว มันลดลงไป
จนรู้สึกว่า Hela มันไม่ได้จะมาสร้างหายนะอะไรสักเท่าไหร่ มันไม่บีบคั้นอารมณ์เลย
เหมือนดูเพลินๆไปตามพล็อตเรื่องที่เดินไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง ทั้งๆที่มันควรจะต้องลุ้นและเอาใจช่วย
กับความอลังการที่ไร้ทางต่อกรของราชินีแห่งความตายคนนี้ด้วยซ้ำ 

 
นี่แหละ คือสิ่งที่ผมเขียนเอาไว้ว่า เสียงหัวเราะ(มุกในหนัง) มันเย้ยหยันความตายอย่างแท้จริง
 
 
        สิ่งนี้คือจุดที่ผิดหวังในส่วนเดียวของเรื่องนี้ แม้จะมีจุดเดียว แต่ก็ถือว่าใหญ่อยู่เหมือนกัน
เหมือนกับว่าตั้งใจมาเจาะตลาดสายนี้มาก ให้ทุกวัยดูได้ เด็กดูดี  นั่งขำกันทั้งครอบครัว 
แต่พวกแฟนบอยสายโฉดแบบผม บางทีก็ไม่ได้อยากจะได้ธีมแบบนี้สักเท่าไหร่ 
ดังนั้นนี่ก็เป็นสิ่งที่รู้สึกขัดใจนั่นแหละ  จึงทำให้คะแนนมันไม่Perfect แต่ถามว่า 
มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ

 
ขอตอบว่าไม่
 
 
        เพราะสิ่งดีๆที่เขียนชมมาทั้งหมดในพารากราฟด้านบน มันดีมากพอจะทำให้เราลืมเรื่องข้อตินี้ได้
และทำให้เรารู้สึกว่า  เออ อยากจะมานั่งดูซ้ำนะทั้งๆที่ดูไปแล้ว  และโดยรวมแล้วรู้สึกสนุก
ดูแล้วสมกับเป็นฟอร์มใหญ่ที่เรารอคอย ดูแล้วมันส์  แค่นี้ก็พอเพียงแล้ว  จะเอาอะไรมากมาย
เรามันไม่ใช่นักวิจารณ์หนัง เป็นคนดูทั่วๆไป  หนังขอแค่เราไปดูแล้วสนุกก็พอแล้ว
ไม่ต่างกับเรื่องอื่นๆก่อนหน้านี้อย่าง Suicide Squad หรือ Bat V Sup ที่หลายคนด่าสาดเสียเทเสีย
ในแบบนักวิจารณ์ แต่คอหนังบ้านๆแบบผม ไปดูฮีโร่ตีกันสนุกๆ ดูแล้วฟิน ดูแล้วมีความสุขก็พอแล้ว 
ธอร์ ก็ตอบโจทย์ตรงนั้นได้มากเกินพอ แค่นี้ก็เพียงพอจะให้คะแนน 8 แล้วล่ะ

 
 
        เป็นหนังThorที่ดีที่สุด และทำให้ผมหันมาชอบฮีโร่ตัวนี้ได้จากใจจริงว่า “กูโคตรชอบเลย เท่จริงๆ” 
จากที่ดูมากี่เรื่องๆก็ไม่เคยชอบแบบนี้  Thor Ragnarok ถือว่า สมควรจะมาดูซ้ำเป็นอย่างยิ่ง  และนอกจากนี้ 
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ  เพลงประกอบหลักของหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่เทรลเลอร์หนังแล้วนั่นก็คือ Immigrant Song
เพลงธีมของหนัง ที่ฉากบู๊ในหนังเมื่อไหร่ก็ขึ้นมา และทำให้อะดรีนาลีนผมสูบฉีดทุกครั้งที่ได้ยินในฉากบู๊ 
เจ๋งพอๆกับ Is she with you? ของ Wonder Woman นั่นแหละ ทรงพลังมากๆ งานเก่าจาก Led Zeppelin
เพลงนี้นั้น ไม่ควรพลาดที่จะต้องหามาฟัง ถึงขนาดว่ายอดการฟัง สูงขึ้นเกือบ200% นับตั้งแต่หนังเรื่องนี้ออกมานั้น
ต้องบอกว่า ตัวเพลงมันเทพอยู่แล้ว มาประกอบกับหนังที่ใช่ มันก็ส่งเสริมกันทั้งคู่   
 

 
        จริงๆแล้ว Immigrant Song นี้ก็ถูกใช้อยู่ในหนังหลายๆเรื่องมาก่อนหน้านี้ที่จะมาเด่นใน Thor Ragnarok นี้แล้ว
แต่ปี 2017 มันก็กลับมาอีกครั้ง และยิ่งใหญ่กว่าเดิม ทำให้คนรุ่นหลังๆและตลาดวงกว้างได้รู้จักกับเพลงเจ๋งๆในตำนาน
เพลงนี้ของ Led Zeppelin ด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ  และไม่ว่าหลังจากนี้ หากเราจะนึกถึง แร็กนาร็อค
เราก็จะนึกถึงเพลงๆนี้ที่จะลอยมาตามลมด้วย พร้อมกับภาพของธอร์ที่เท่ที่สุด
และเจ๋งที่สุดในบรรดาหนังธอร์ทั้งหมดที่เคยมีมา

 
RIP ค้อน Mjolnir
 
 

Thor Ragnarok