
Movie
รีวิว Spider-Man: Far from Home ความสนุกที่มาพร้อมการเติบโตของฮีโร่อย่างRealที่สุด [สปอยล์]
หัตถาครองพิภพ July 12, 2019

หนังเข้าโรงแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับภาคต่อของไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นMarvel Studio จากการปรากฏตัวครั้งแรกในCivil War มาจนถึงหนังเดี่ยวของตัวเองอย่าง Homecoming ก่อนที่ล่าสุดเราก็เพิ่งจะได้เห็นเขาใน Endgame เรียบร้อยอย่างที่หลายๆคนทราบกัน
สไปดี้เวอร์ชั่นของ Tom Holland นักแสดงนำรายนี้ ถือว่าเข้ามามีบทบาทมากในฐานะฮีโร่ตัวเด่นตัวนึงเลยของหนังชุด Avengers ของ MCU หากสังเกตและพิจารณากันให้ดีๆ ผมก็คิดว่านี่คือหนึ่งในฮีโร่รุ่นที่2ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำของทีม Avengers ชุดใหม่หลังจากนี้ ซึ่งในบรรดาฮีโร่รุ่น2มันก็จะมีพวก Black Panther, Ant man, Captain Marvel หรือแม้กระทั่ง Falconเองก็ตามเป็นต้น สิ่งเหล่านี้ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
หากว่า Captain Marvel ถูกวางตัวให้เป็นเหมือนผู้นำ ผู้บังคับการของทีม เหมือนในรายของ Captain America แล้วละก็ ผมเชื่อเลยว่า Spider-Man คือฮีโร่ฝั่งเท่ที่สืบทอดอารมณ์ร่วมของผู้ชมโดยรับไม้ต่อมาจาก Ironman โดยตรงเลย ซึ่งหนังก็ปูมาตลอด รวมถึงลุค และ คาแรคเตอร์เท่ๆ ชุดเท่ๆ เกราะเท่ๆของสไปดี้ มันเห็นชัดเลยว่า นี่คือการส่งไม้จาก Ironman ให้สไปดี้ของทอม ฮอลแลนด์ ได้แบกรับภาระเป็นแกนของหนังมาร์เวลต่อจาก RDJ แน่นอน
สำหรับสไปเดอร์แมนภาคนี้ ซึ่งถือเป็นหนังเดี่ยวเต็มๆภาคที่สองของเจ้าตัว มีชื่อภาคว่า Far From Home ก่อนหน้าที่ Endgame จะออก หลายตีความไปด้วยซ้ำว่า มันเป็นเรื่องราวหลัง Infinity War ในส่วนไหน หรือว่า สไปดี้ที่ออกไปอยู่ในอวกาศ จะไม่ได้กลับบ้าน หรือว่า ไปอยู่คนละมิติเลย คิดว่าตอนนี้หลังจบEndgame และใครที่ได้ดู FFH (Far From Home) คงจะรู้กันดีแล้วว่า เรื่องราวนี้ต่อจากเหตุการณ์Endgame แบบรอยต่อระยะประชิดเลย เพราะหนังก็ยังคงพูดถึงเรื่องราวเหตุการณ์คนบนโลก กับเรื่องที่คนหายตัวไปครึ่งนึงจากการดีดนิ้วของธานอส ที่เค้าเรียกว่า “บลิพ” (Blip) นั่นเอง และFar From Home ที่ว่านั่นก็คือตรงตัว เพราะพวกเขาออกจากอเมริกา เนื้อเรื่องไปโฟกัสอยู่ที่สถานที่ต่างๆในยุโรปล้วนๆที่ สไปดี้ ได้ไปทัศนศึกษากับเพื่อนๆที่โรงเรียนนั่นเอง
สำหรับ Spider-Man FFH นั้น ก็เหมือนหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆคือ เขาแทบจะไม่ต้องย้อนความเยอะ อาศัยฐานแฟนมาร์เวลเก่าๆที่เข้าใจเรื่องราวดีอยู่แล้วเข้าไปดู ดังนั้นเรื่องโครงเรื่อง การดำเนินเรื่องของ FFH ถือว่ากระชับ และเข้าใจได้ง่าย เพราะไม่จำเป็นต้องปูเรื่องอะไรเยอะ สามารถเดินไปข้างหน้าพร้อมเส้นเรื่องหลักไปเรื่อยๆได้เลย ภาคนี้FFH มีเนื้อหาที่กระชับพอดี ค่อยๆปูไล่เรียงเป็นสเต็ปทีละเหตุการณ์ และไม่ต้องรอนาน ไม่มีช่วงเดดแอร์ของการดูที่อารมณ์มันหายไป ดูได้เรื่อยๆเพลินๆตลอด2ชั่วโมง มันเร็ว ชัดเจน กระชับ ไม่ยืดยาดน่าเบื่อเลย
โทนของหนัง แน่นอนว่า สไปดี้ยังคงเป็นฮีโร่ข้างบ้านที่แสนดีของคุณเสมอ หนังโทนสว่าง ดูได้สบายๆไม่ต้องเครียดอะไรมากนัก เรียกง่ายๆว่าหนังมันไม่หนักเกินไป เป็นฮีโร่ที่ทำภารกิจที่ไม่ตึงเครียดมากนัก แต่ก็ต้องลุ้นเอาใจช่วยอยู่ตลอด หนังสอดแทรกมุกตลกมาให้เยอะมาก เรียกง่ายๆว่า มีช่วงให้ฮา ให้ขำออกเสียงกันมาแบบเรื่อยๆ มุกตลกเรื่องนี้ถือว่าดีเลยล่ะ ไม่ยัดเยียดเกินไป ใส่มาได้เป็นธรรมชาติ และทำให้หนังไม่เสียอรรถรสหรือติดๆขัดๆ ข้อนี้เป็นจุดแข็งของ Spider-Man ของ Marvel มากๆที่โทนหนังมันน่ารัก สนุก และผ่อนคลายแบบเด็กๆวัยรุ่นจริงๆ
พูดถึงวัยรุ่น หนังเรื่องนี้เรายังสามารถดูเป็นหนังสาย Teens Movie แนว Romantic Comedy ได้แบบเบาๆ มีเรื่องกุ๊กกิ๊กสดใสตามฮอร์โมนหนุ่มสาวเหมือนปกติ ด้วยความที่ไอ้เจ้า Tom Holland มันหล่อและแสดงได้น่ารักมากๆในเรื่อง ผมเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคนจะชอบความน่ารักของเขามาก ผู้ชายด้วยกันเองยังชอบเลยนะเจ้าTomเนี่ย น่ารักจริง .. หนังเสนอความเป็นวัยรุ่นและแง่มุมวิธีคิดของพวกเขาได้ดี ที่ถึงแม้สไปเดอร์แมนจะเคยกอบกู้อวกาศมาแล้วกับทีมAvengers ต่อหน้าธานอสก็ตาม แต่ตัวเขาเอง ตัวตนที่แท้จริงใต้หน้ากาก เขาก็ยังโหยหาชีวิตสบายๆเรียบง่าย และยังต้องการอะไรที่มันเป็นความต้องการพื้นฐานของคนอยู่อย่างครบถ้วน
ผมชอบตรงนี้มาก เพราะมันทำให้ฮีโร่อย่าง Spider-Man ของมาร์เวลนี้ มันReal มากๆ สมจริง มีรักโลภโกรธหลง มีการเจ็บป่วยได้ มีตายได้ เหมือนคนปกติ ซึ่งคือแนวทางเดียวกันกับก่อนหน้านี้ที่ Marvel พยายามลดสเกลพลังจากการ์ตูน และทำให้เหล่า Avengers ตัวหลักๆ มันมีความเป็นคนสูงมาก และไม่เว่อร์มากจนเกินไป และความเรียลของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ก็คือคำตอบของแนวทางที่ว่านั้น
ดีตรงนี้แหละ มันไม่ทำตัวฮีโร่เกินไปจนเป็นพระเอกลิเกจ๋าๆ
ในส่วนของ ฉากแอ็คชั่น ฉากต่อสู้ อันนี้ผมถือว่าต้องทำความเข้าใจกับผู้ชมก่อนว่า ใครที่คาดหวังระเบิดภูเขาเผากระท่อมแล้วละก็ เลิกล้มความคิดนี้ไปซะ เพราะอย่างที่ทราบกันว่า “สเกลพลัง” ของ Spider-Manในมาร์เวล มันอยู่ที่ระดับไหน ดังนั้นหากคุณจะไปเอาตัวร้ายระดับเดียวกับ Dormammu ในDr.Strangeมาละก็ สไปดี้ไม่มีปัญญาสู้ได้แน่นอน ดังนั้นฉากบู๊ หรือการใช้พลังนั้น จะต้องเข้าใจว่า สไปเดอร์แมนมีพลังระดับไหน และการจะเจอกับคู่ต่อสู้เลเวลไหนมันถึงจะพอดีสมน้ำสมเนื้อนั่นเอง
ฉากต่อสู้ฉากแอ็คชั่นผมถือว่า ทำได้ดีและเหมาะสมแล้วตามสเกลพลังของSpider-Man คนที่ชอบความบู๊ล้างผลาญอาจจะไม่เต็มอิ่มนิดหน่อย แต่พูดตรงๆนะว่า ฉากเท่ๆมันก็มีอยู่เยอะนั่นแหละ มีหลายฉากเลยตลอดเรื่อง ดังนั้นไม่ต้องกังวล ฉากแอ็คชั่นต่อสู้ก็ยังมีครบ แม้จะไม่อยู่ในสเกลระดับสงครามกู้จักรวาลอย่าง Endgame แต่ก็ถือว่าไม่ขาดตกบกพร่องนะ สมเหตุสมผลดี
โดยรวมของหนังเรื่องนี้ถือว่าเดินเรื่องฉับไวไปอย่างมีจังหวะที่คงที่ ไม่สวิงมาก มีหยอดมุกตลกเรื่อยๆ ฉากแอ็คชั่นมันส์ๆก็มีตลอดเส้นเรื่อง โดยรวมถือว่าเป็นหนังที่ดูสนุกมากๆ เหมาะที่สุดสำหรับทุกเพศทุกวัย และเหมาะมากสำหรับแฟนคลับเดนตายของ Marvel เพราะหนังเรื่องนี้มันเป็นเหมือน “รอยต่อไปสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่” ภายภาคหน้าหลังจากหมด Avengers รุ่นแรกไปแล้วจริงๆ เพราะนี่คือหนังมาร์เวลเรื่องสุดท้ายที่ปิดphase 3 ของ MCU ที่จะก้าวไปสู่เฟส4ในอนาคต ที่ใครติดตามข่าวจะรู้ว่า ภาคต่อๆไปเขาจะเล่นสเกลพลังที่ใหญ่กว่าAvengersเดิมแล้ว ทั้งข่าวของหนังอย่าง The Eternals ที่น่าจะได้แองเจลิน่า โจลี่ มาเล่นในหนังสเกลใหญ่ทรงพลังขนาดนั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว Spider-Man FFH จึงได้ทำการปูรอยต่อให้เห็นกันจะจะเลยในอนาคตเลยว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลายท่านที่อ่านตรงนี้มา น่าจะดูมาหมดแล้ว เพราะผมขึ้นเอาไว้แล้วว่าสปอยล์ ซึ่งตรงนี้ที่ชัดเจนคือ ในส่วนของ End Credit และ Post Credit ทั้งหมด2ตัวหลังจากดูจบ คือการปูเรื่องที่ใหญ่มากของมาร์เวล ใครที่หลายคนยังงง บอกเลยว่าไม่ต้องงง เรื่องแรกคือ การที่เบค หรือ Mysterio นั้นได้ทำการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ให้กับทั้งโลกได้รับรู้ มันคือการเปิดประตูไปสู่อีเวนท์ในอนาคตได้นั่นก็คืออาจจะเป็น Civil War2 ที่พูดถึงประเด็นการเปิดเผยตัว หรือไม่เปิดของฮีโร่บนโลก เพราะสไปดี้โดนแฉความจริงแล้ว จากนี้เขาและครอบครัวลำบากแน่ๆ และก็คงจะมีเหตุการณ์ขัดแย้งกันเองของฮีโร่เกิดขึ้นอีก
ส่วนในแง่ของการดำเนินเรื่อง จะสังเกตเห็นว่า เมื่อก่อน Ironman ภาคแรก ก็อยู่ในเหตุการณ์ที่ตัวเองนั้น เปิดเผยตัวตนกับชาวโลกให้ได้รู้ทั่วไปเช่นกัน เหมือนปีเตอร์ภาคนี้ ดังนั้นผมยิ่งมั่นใจว่า มาร์เวลวางตัวของสไปดี้เอาไว้รับไม้ต่อจากไอออนแมนแน่นอน ซึ่งเขาจะเป็นตัวนำในการเดินเรื่องยังไงในอนาคต ต้องคอยติดตามดู
ส่วน Post Credit หรือตัวอย่งาหลังเครดิตอันสุดท้าย ทำให้ได้เห็นเลยว่า นิคฟิวรี่ ที่ดูผิดปกติในภาคนี้ นั่นคือพวก Skrull ฝ่ายดี ที่มีบทบาทตั้งแต่ หนังแคปมาร์เวลภาคแรก จนมาถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังอยู่บนโลก และรอบโลกอยู่ / หนังตัดให้เห็นนิค ฟิวรี่ ในฐานบัญชาการกลางอวกาศ นั่นแปลว่า เขาน่าจะอยู่ตรงฐานของ Shield และ หน่วย Sword คอยประสานงานการปกป้องโลก โดยติดต่อกับฮีโร่อื่นๆผ่านสเกลอวกาศที่กว้างใหญ่ตาม นั่นแปลว่า เรื่องราวในอนาคต สเกลมันจะไม่อยู่แค่โลกแล้ว แต่มันจะเป็นสงครามระดับจักรวาลเลยทีเดียว เป็นการแสดงให้เห็นทิศทางหนังมาร์เวลในล็อตต่อจากนี้แบบชัดเจนที่สุด
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ สรุปแล้ว Spider-Man: Far from Home คือหนังที่มีครบทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความสนุก ความตลก ความซึ้งและเรื่องราวสดใสแบบวัยรุ่นๆ ฉากแอ็คชั่นฮีโร่สวยๆก็มี เรายังได้ดูความแสบของ เจค จิลเลนฮาน ในบท Mysterio กันแบบสะใจด้วย หลังจากที่ เห็นความเท่ของฮีโร่ตัวนี้ผ่านตัวอย่างหนังมานาน เจอข่าวลวงมาก็เยอะว่ามันจะกลายเป็นAvengersใหม่ แต่จริงๆแล้วหลายๆคนไม่เคยไว้ใจมันตั้งแต่ทีเซอร์แล้ว(ฮา) เพราะเกียรติประวัติในComics และพลังพิเศษของเจ้านี่ มันคือการสร้างภาพลวง ดังนั้นก็ตรงอย่างที่ใครหลายๆคนคิดเอาไว้ว่า ไอ้ตัวดินน้ำลมไฟน่าจะเป็นสิ่งที่ Mysterioสร้างขึ้นมาหลอกลวงคนด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วไอ้หมอนี่ก็กลายเป็นคนไม่ดีไปจริงๆ ซึ่ง..ไม่ได้ผิดไปจากที่ระแวงเอาไว้เท่าไหร่นัก(ฮา) แต่ผมชอบการแสดงของเจคจริงๆ เข้าถึงบท และเล่นได้น่ากระทืบมากๆ
นอกจากความกลมกล่อมของหนังที่ทำได้ดีแล้ว แน่อนนสำหรับแฟนคลับมาร์เวลสายลึก เรื่องนี้ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่จำเป็นต้องดูจริงๆ มันคือการปิดหนังเฟสเก่าอย่างบริบูรณ์ และเชื่อมไปหาเรื่องราวใหม่ในอนาคตเยอะมาก สิ่งหนึ่งที่ดีที่สุดคือ ทำให้เราได้รู้ว่า มาร์เวลตั้งใจจะวาง Spider-Man ของ Tom Holland ให้รับช่วงต่อโดยตรงจาก Ironman ของ RDJ เพื่อเป็นผู้นำในกลุ่มAvengersในอนาคตอย่างแน่นอน สรุปหนังเรื่องนี้ครบรสชาติ ควรไปดูอย่างยิ่ง แม้หน้าหนังจะไม่ได้มีอะไรเยอะ แต่แค่เข้าไปดูชุดของสไปดี้ที่ มีชุดออกมาในภาคนี้เยอะมากกก มาทุกแบบ แถมชุดดำของNight Monkeyนี่เตะตามากๆ ใครที่รักไอ้แมงมุม เข้าไปเสพได้เลย คุ้มชัวร์
Review Scores : 8/10
หลังจากนี้หนังมาร์เวลก็คงจะหายไปพักใหญ่ๆเลยกว่าที่เรื่องต่อไปจะมา หลังจากที่เราฟินกับ Endgame ไปแล้ว คงจะคิดถึงหนังมาร์เวลน่าดู และข้อมูลตอนนี้ เท่าที่รู้ก็จะมี หนังฝ่าบาทภาค2 ที่รออยู่ / Black Widow ที่ไม่รู้จะออกมายังไงและช่วงเวลาไหนในชีวิตของแนตที่ตายไปแล้ว / The Eternals ตามข่าว และ GOTG3 เป็นต้น ดังนั้น FFH เป็นหนังปิดเฟส3ที่จบลงไปเรียบร้อย และจนกว่าจะได้พบได้เจอกันอีกครั้ง
ไปเปิดดู Ironman1 ใหม่กลับมาดูให้หายคิดถึงซะ ช่วยได้!