
รีวิวอัลบั้ม “SELFMADE” URBOYTJ กรีดจิตวิญญาณให้เป็นเพลงเพราะทั้งอัลบั้ม และVIBEที่แฟนเพลงคิดถึง
หัตถาครองพิภพ December 01, 2020
รีวิวอัลบั้ม “SELFMADE” URBOYTJ กรีดจิตวิญญาณให้เป็นเพลงเพราะทั้งอัลบั้ม และVIBEที่แฟนเพลงคิดถึง
ก่อนที่จะรีวิวอะไรทั้งนั้นผมอยากบอกประโยคนี้กับเต๋าก่อนเลยหากจะได้มาอ่านรีวิวนี้ว่า ผู้เขียนเป็นคนฟังเพลงจากยุค90s ที่แก่เกินช่วงวัยรุ่นแล้วในตอนที่กามิกาเซ่กำลังมา อาจจะไม่ได้อยู่ในวัยที่โตมาพร้อมกัน และผมเห็นTJมานับตั้งแต่วันแรกๆที่เริ่มมีผลงานกับกามิ ความคิดแรกของผมที่ได้เห็นศักยภาพของคุณ ผมคิดตั้งแต่ตอนนั้นว่า TJ นี่แหละที่จะสามารถไปได้อีกไกลมากๆในวงการเพลงไทย เพราะเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เด่นชัดจัดๆ และขีดความสามารถที่สูงมากๆ ยังพัฒนาได้อีกเยอะ ผมคิดตั้งแต่ตอนนั้นแล้วจริงๆว่า สักวันนึง TJ ต้องเป็นหนึ่งในเบอร์ต้นๆของศิลปินไทยแน่ๆ
วันนี้แหละมันถึงวันนั้นแล้ว สิบปีที่เห็นคุณมาจนถึงวันนี้ ผมพูดได้แล้วว่าในที่สุดคุณก็ขึ้นมาเป็นศิลปินระดับต้นๆอีกคนหนึ่งของไทยในยุคนี้จริงๆ นี่คือคำยกย่องจากคนฟังเพลงไทยมานาน และก็ติดตามงานคุณมาตลอดเส้นทางการผลิตผลงาน นี่คือเวลาที่ผมเคยคิดเอาไว้มานาน มันเป็นจริงแล้ว
ซึ่งไม่แปลกใจเลย เพราะผมเห็นแววของเต๋าตั้งแต่แรกๆแล้วล่ะว่ามันสูงติดเพดานมากๆ
จาก 3.2.1 สู่การทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยว และค่อยๆปล่อยผลงานดีๆออกมาเรื่อยๆซึ่งมีเอกลักษณ์ของตัวเองสูงมากๆ ที่สำคัญคือ งานของTJนั้นเป็นเพลงที่เสพง่ายและเป็นมิตรกับผู้ฟังในวงกว้างมากๆ ในขณะที่ไม่ทิ้งลายความเท่ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลยแม้แต่นิดที่เป็นลายเซ็นอันชัดเจนและเข้มข้นในเนื้องาน ในที่สุดก็เดินทางมาถึงวันนี้ที่ผมได้ฟังอัลบั้มใหญ่แบบเต็มๆสักที ผมจึงไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านอัลบั้มคุณโดยไม่เขียนถึงหรือรีวิวได้
และวันนี้ดีใจมากๆที่จะได้แนะนำและพูดถึง “SELFMADE” ของ URBOYTJ ชุดนี้
สิ่งหนึ่งที่จะพูดถึงอัลบั้มนี้ก่อนเลยในภาพรวมก็คือ อัลบั้มSELFMADE เป็นงานที่แสดงความเป็น”ตัวตน” ของ URBOYTJ อย่างถึงก้นบึ้งจริงๆ เขางัดทุกอย่างที่มีในชีวิตมาทำเพลงในอัลบั้มนี้จริงๆ
แรกสุดผมได้ฟังเพลงชุดนี้ทีละเพลงผ่านทางยูทูปที่อัพมา ผมก็รู้สึกแค่ว่า เออใช่ เพลงของTJจริงๆ ลายเซ็นดนตรีเค้าชัดมากๆ มีความเป็นตัวเองสุดๆ ผมก็เสพแค่ในด้านของ “การฟังเพลง” เพียงแค่มิติเดียวว่าเพลงมันเพราะ และเป็นตัว
เค้าเองมากๆ แต่พอได้มาฟังซ้ำไปเรื่อยๆ แล้วมานั่ง “อ่าน” เรื่องราวที่เต๋าเขียนกำกับบอกเล่าเรื่องราวในแต่ละเพลงเอาไว้ ผมถึงกับอึ้งที่ได้รู้เรื่องเหล่านั้น แล้วลองกลับมาฟังเพลงชุดนี้ซ้ำอีกครั้ง (ซึ่งเราชอบอยู่แล้วตั้งแต่ยังไม่รู้แบ็คกราวน์)
พอรู้ว่าหลายๆเพลงเต๋าสร้างมันขึ้นมาจากการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองในช่วงที่กำลังดาวน์มากๆตอนที่เป็นซึมเศร้าอยู่ ผมถึงกับอึ้งในเรื่องราวเหล่านั้น และพอไปฟังเนื้อหาดูอีกที มันชัดเจนหนักมาก ขนาดเพลงที่เราคิดว่าเป็นเพลงอกหักเลิกรากันธรรมดาๆอย่างเพลง “สักวัน” แต่พอรู้เรื่องราวแล้วไปฟังเนื้อเพลงอีกทีนึง .. ใช่ เพลงนี้มันหนักจริงๆ แต่กลับทำออกมามีพลังแง่บวกติดมาด้วย จากดนตรี บีทสว่างๆ และการร้องของคุณกานต์ มันทำให้เพลงดูสวยงามมากๆ แต่อ่านเนื้อจริงๆแม่งโคตรDeep
ดังนั้นคำที่กล่าวเอาไว้บนหัวข้อว่า มันคืออัลบั้มที่กรีดจิตวิญญาณตัวเองมาทำ มันคือเรื่องจริง และน้อยศิลปินมากที่จะกล้าเอาเรื่องราวของตัวเองแบบเฉียดๆ100%มาถ่ายทอดขนาดนี้ มันคือการกรีดเลือดเขียนเพลงเลย ซึ่งก็เป็นกำลังใจให้TJด้วย และก็ดีว่าเต๋าทำเพลงชุดนี้เอาไว้ในลักษณะเหมือนเป็นไดอารี่ส่วนตัวที่บันทึกว่าผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าประสบการณ์ตรงนี้มันจะอยู่เป็น “เพื่อน” ให้ใครหลายๆคนที่เป็นเหมือนTJได้แน่นอน ในขณะที่ตอนที่เขาไม่มีใคร และสิ้นหวังสุดๆจนอยากตาย ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเขาในเวลานั้น..
เกริ่นแบ็คกราวน์อัลบั้มมาประมาณนึง มารีวิวในภาคของเพลงกันบ้าง ต้องบอกว่าอัลบั้มนี้มีทั้งหมด 11+1 โบนัสแทร็ค เป็นอัลบั้มที่พูดได้ง่ายๆว่า มันเป็นงานเพลงที่เป็น “URBOYTJ” แบบสุดๆ ซึ่งเพลงของเขาจะโดดเด่นมากๆที่บีท และดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ที่เขาลงมือทำเอง เด่นในความเป็นฮิปฮอปที่มีความป็อปในตัวสูง ผสมกับกลิ่นอายR&Bยุคปัจจุบัน ทำออกมาได้อย่างลงตัวและฟังได้ง่ายมากๆ แฟนเพลงฮิปฮอปยังสามารถเสพความเป็นฮิปฮอปได้ ในขณะที่แฟนเพลงคนฟังทั่วๆไปที่ไม่ได้เป็นสายฮิปฮอป ก็ฟังเพลงชุดนี้ของTJได้เพราะๆแบบสบายๆเลย
เพราะว่าสัดส่วนที่TJทำมามันมีรูปแบบใหญ่ๆอยู่2ส่วน ส่วนแรกก็คือ “VIBE” แบบเก่าๆสมัยที่เป็นต้นตำรับรากเหง้าการทำเพลงของตัวเองตั้งแต่ยุคกามิกาเซ่ ครึ่งหนึ่งของอัลบั้มมีตัวตนตรงนี้สูงซึ่งมันทำให้แฟนเพลงฟังแล้วคิดถึงเพลงยุคเก่าๆของเจ้าตัว และของกามิกาเซ่ได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นเอง อีกครึ่งนึงมันก็มีความแปลกใหม่ของ บีท และแนวเพลงหลากหลายมากๆที่TJนำเข้ามาสร้างเป็นดนตรีในแต่ละเพลง ผสมผสานเข้ากับความเป็นตัวเอง ทำให้อัลบั้มนี้ครึ่งนึงมันเป็นVIBEเก่าที่ชวนคิดถึง และความหลากหลายแปลกใหม่ที่มีลายเซ็นTJชัดเจน
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ทุกเพลงถูกทำขึ้นมาโดยตั้งอยู่บนความ “เพราะ” ล้วนๆ อันนี้พูดได้เลย
ใครที่เป็นแฟนเพลงยุคปัจจุบันคงจะไม่รู้จักคำนี้กันแน่ๆ ในขณะที่เด็กๆรุ่นTJเองที่โตกันมาในยุค 2010s ก็อาจจะนึกไม่ออกเช่นกัน (ฮา) จะบอกว่าสมัยก่อนมันจะมีศัพท์ของคนฟังเพลงยุค90sอยู่ว่า “เพราะทั้งอัลบั้ม”
ซึ่งแม่งหาได้น้อยนะ น้อยจริงๆที่อัลบั้มสักชุดนึงจะได้รับการขนานนามด้วยคำนี้จากแฟนเพลงว่า มันเพราะทั้งอัลบั้ม แต่สำหรับ “SELFMADE” ผมสามารถพูดเช่นนั้นได้ หากยุคนี้จะมีอีกชุดนึงที่ใช้คำใกล้เคียงกันได้ว่า “ดีทั้งอัลบั้ม” เช่นกัน ผมก็นึกถึงอัลบั้ม Into the new era ของพี่กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่อันล่าสุดนี่แหละ
สองคนนี้ทำเพลงได้ดี และ เพราะทั้งชุดเหมือนกันทั้งคู่ในแนวทางของตัวเอง
ทั้ง 11 แทร็คต้องบอกว่า แต่ละเพลงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกันทุกเพลง และเราก็ชอบทุกเพลงจริงๆ แต่สุดท้ายแล้วอัลบั้มนึงเราต้องยอมรับความจริงว่า มันจะต้องมี “ลูกรัก” อยู่บ้าง เพลงที่ชอบมากชอบน้อย อันนี้ไม่แปลก เดี๋ยวจะบอกทีหลัง แต่รีวิวไปทีละเพลงเลย
“ชูมือขึ้น” เป็นเพลงเปิดที่แสดงความสนุกสนานในสไตล์TJได้เป็นอย่างดี เมโลดี้ความกวนและการโยกแบบเพลงTJอันนี้ชัดมากๆ ถ้าใครนึกไม่ออกก็นึกถึงเพลงดังอย่าง “แบกไม่ไหว” ก็ได้ ให้ฟีลคล้ายๆกัน
“ถามคำ” เพลงนี้ต้องบอกว่าเป็นโคตรไฮไลท์สำหรับแฟนเพลงกามิเลย ฟังแล้วกลิ่นอายกามิยุคเก่าชัดเจนฉุนกึกขึ้นจมูกมากที่สุดในชุดนี้แล้ว ฟังแล้วหายคิดถึงกามิเลย ซึ่งดูเครดิตก็เป็นแบบนั้นจริงๆเพราะว่า คุณแอ้ม กับพี่เอฟู มาให้คำปรึกษาในการทำเพลงนี้ที่กลับไปสู่จุดเริ่มต้นตอนทำเพลงที่กามิของTJ กลิ่นอายจึงมาเต็มๆ โดยเฉพาะฟีลแบบเพลงของเฟย์ฟางแก้วนี่คือ ใช่เลย อยากบอกว่ามันโคตรเพราะ และโคตรดีจริงๆเพลงนี้ เป็นหนึ่งในเพลงที่ชอบมากที่สุดในชุด
“อยู่ก่อน” เป็นเพลงกวนๆที่ทำบีทมีสีสันฉูดฉาดย้อนยุค80 ติดกลิ่นฟังกี้ดิสโก้มาเต็มๆอย่างที่เค้าบอกว่า นึกย้อนไปสมัยฟังSnoop Dogg นั่นแหละ ซึ่งชอบดนตรีเพลงนี้มากๆ ฉูดฉาดสุดในอัลบั้มแล้วด้านดนตรี เบสเดินอร่อยสุดๆ ในขณะที่มีความหยิกหยอก เจ้าชู้ตามสไตล์กวนๆ ซึ่งได้ โอ้ต ปราโมทย์มาแจมเนี่ยคือเหมาะกับเพลงมากแล้ว และเสียงตาโอ้ตก็เพราะมากๆด้วย เวิร์สแร็พในเพลงนี้เจ๋งมาก พันช์โดนมาก
“ช่วยไม่ได้” เป็นอีกหนึ่งในเพลงที่มีVIBEกามิเข้มจัดๆ ฟังยังไงก็คิดถึงK-otic แน่นอนโดยเฉพาะเหงาปาก ซึ่งผมโคตรดีใจที่ได้ฟังเพลงซาวด์แบบนี้อีกครั้ง เพราะฟังเพลงเก่าจนเบื่อแล้ว(ฮา) มีคนทำแบบนี้ออกมาอีก มันหายคิดถึงมาก ที่สำคัญคือเพลงมันเพราะจริงๆ และให้ฟีลที่แตกต่างจากเคโอติคด้วย แต่มันคือเพลงที่เป็นของTJแบบ100% ซาวด์ที่ติดกลิ่นไทยหน่อยๆเนี่ย เจ๋งสุดแล้ว
“กอดได้ไหม” น่าจะอยู่ในฐานะที่เป็น “เพลงช้าโปรโมท” ของอัลบั้มได้ ถ้าเป็นยุคเก่าๆก็คงจะเลือกเพลงนี้แหละเป็นเพลงช้าแรกของอัลบั้ม เพลงนี้มันเพราะมากๆ ในขณะที่มีความเศร้าอยู่ในตัวสูง ไม่แปลกว่าทำไมคนฟังจะอินและมูฟออนจากเพลงนี้ไม่ได้เลย เพราะเมโลดี้และความเพราะของมันเข้าขั้นยอดเยี่ยม ฟังแล้วอิน และละมุนจัดๆ ได้สองมือดีจาก25hoursมาช่วยด้วยเพลงจึงออกมาสวยงามเลย ที่สำคัญเพลงนี้มันได้ฟีลตอนแต่งเพลงK-oticอีกเพลง มันคือกลิ่นอายเพลงช้าชุดแรกเคโอติคแน่นอนอย่างเพลง “รักไม่ได้หรือไม่ได้รัก” ฟังแล้วคิดถึงเพลงเก่าเลย ฟังคู่กันอย่างฟิน
“SELFMADE” เพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม ผมคิดว่าส่วนตัวแล้วเพลงนี้เป็นเพลงที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยการฟีทเจอริ่งของวีโอเล็ตต์ที่มาร้องฮุคในเพลงให้จนทำให้เพลงนี้มันhighมากๆในคลาสของเพลงที่ขึ้นไปอยู่ระดับอินเตอร์ได้เลย ในขณะที่เวิร์สการเขียนของเพลงนี้ บรรยายถึงเรื่องราวการเป็นตัวของตัวเองที่สำคัญที่สุดออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก เขียนออกมาโคตรดีและperfectสุดๆ ถ้าจะมีเพลงไหนที่บอกได้ว่า 10/10 ได้เลยนั้น แทร็คนี้คือเพลงที่ว่านั้นแหละ
“ซุปเปอร์ไซย่า” นี่น่าจะเป็นเพลงที่ “ฮิปฮอปจ๋า” ที่สุดของอัลบั้มนี้แล้ว เพราะแร็พแบบเต็มๆไม่ต้องมาเมโลดงเมโลดี้อะไร มาถึงก็เอาส้นตีนซัดเข้าหน้ากันตั้งแต่ฮุคแรก เป็นอะไรที่สะใจเชี่ยๆเพลงนี้ สำหรับคอฟังเพลงฮิปฮอปเดือดๆที่ชอบแร็พมันส์ๆ เพลงนี้โคตรเดือดสัสๆ ใครที่มองข้ามอัลบั้มนี้เพราะคิดว่าไม่มีเพลงฮิปฮอปเดือดๆให้ฟัง ลองมาฟังเพลงนี้แล้วคุณจะโยกหัวตามทั้งเพลงแน่นอน การเริ่มต้นเพลงนี้จากแชมป์ ไมยราพ จนทำให้เกิดการแจมและขอซื้อเพลงกันเกิดขึ้น เป็นตัวบ่งบอกอย่างดีว่าเพลงมันสุดขนาดไหนถึงขนาดเต๋าเองยังทนไม่ไหวต้องไปขอแจมด้วย และงานที่ออกมาก็พีคสุดๆของอัลบั้มนี้อีกแทร็คนึงจริงๆ นี่เป็นหนึ่งในเพลงที่ชอบที่สุดในชุดนี้
“รับให้ได้” เป็นเพลงที่มาด้วยสไตล์การใช้ออโต้จูนตามสมัยนิยมทั้งเพลง มันมีความเป็นป็อป ฮิปฮอปสายแทรปอยู่เล็กน้อย เป็นเพลงที่ฮุคติดหูมากๆอีกเพลงนึง และเป็นกลิ่นอายที่ทำให้มันมีความสมัยนิยมติดในอัลบั้มด้วย อันนี้ดี เป็นสีสันที่แตกต่างของชุด
“ยิ่งเกลียดยิ่งรัก” เป็นอีกหนึ่งเพลงช้าจริงๆของอัลบั้มอีกเพลงที่ฟังเพราะๆซึ้งๆได้ ซึ่งมันก็มีความเป็นเพลงช้าของTJอยู่ ซึ่งบรรยากาศเพลงช้ากามิเก่าๆนั่นแหละ หลายคนเทียบเคียงกับเพลง ไม่ใช่อิจฉา ของ FFK ก็ถือว่าใกล้ๆอยู่ แต่ผมว่าเพลงนี้มันเป็นเพลงช้าสไตล์TJค่อนข้างชัดเจนมาก ฟังแล้วนึกถึงเขาเองมากกว่า