รีวิว “The Suicide Squad” การชุบชีวิตจาก James Gunn เอกลักษณ์คงเดิม เติมความฮาและความสนุก [9/10]

          ต้องบอกว่านี่คือหนังที่รอคอยจริงๆสำหรับการนำ Suicide Squad มาทำภาคต่ออีกครั้ง ซึ่งเอาจริงๆก็ถือว่านับเป็นภาคต่อได้แหละเพราะว่า ตัวละครหลักก็เบสมาจากภาคแรกหลายตัวที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ฮาลีย์ ควินน์ / กัปตันบูมเมอแรง หรือ ผู้พันริค แฟล็ค ก็ตาม ผู้ชมจะคุ้นเคยและผูกพันกับตัวละครเก่าชุดแรกเป็นอย่างดี จะบอกว่าดูต่อจากภาคแรกก็ได้ แต่เอาจริงๆทางต้นสังกัดก็อยากจะให้รีบูท ทำใหม่อีกครั้งมากกว่าจะให้เป็น Suicide Squad 2 ดังนั้นมันจึงออกมาเป็น “The Suicide Squad” ที่เล่าเรื่องโดยที่ไม่ได้อิงอะไรจากภาคแรกเลยที่เอามาต่อเนื่องกัน นอกจากเซ็ตตัวละครบางตัวเท่านั้นที่เป็นสัญลักษณ์

           แต่โครงเรื่อง เนื้อหา การเล่าเรื่อง ธีมเรื่อง ฟีลการดู ทุกอย่างแตกต่างกันหมด เมื่อมาอยู่ในมือของผู้ชายที่ชื่อ “James Gunn” ผู้กำกับมือดีที่สร้างชื่อจาก Guardian of The Galaxy นั่นเอง ซึ่งพอเห็นผู้กำกับแล้ว เราค่อนข้างเชื่อมั่นมากๆว่า เดอะซุยไซด์สควอด มันจะต้องดีแน่ๆ พอมาเจอรีวิวจากสำนักต่างๆ เป็นไปในทิศทางที่ดี เรายิ่งดีใจ เพราะนี่คือหนังที่เราชื่นชอบมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว แม้ใครจะบ่นว่ามันไม่ดียังไงก็ตาม แต่ผมเป็นคนนึงที่ดู Suicide Squad ภาคแรกแล้วก็ยังฟิน และรู้สึกสนุกกับมันอยู่

          The Suicide Squad ภาคนี้ เป็นหนังครบรสที่เต็มไปด้วยความสนุกแบบอัดแน่นจริงๆ สนุกในแบบดูเพลินมากๆ ตื่นเต้นไปกับเนื้อเรื่อง ที่สำคัญที่สุดคือ เจมส์ กันน์ บาลานซ์มุกความฮาระดับขี้แตกขี้แตนเข้ามาในหนัง แต่ก็ยังไม่พลาดที่จะ “อัดซีนแอ็คชั่น” ให้แบบจุใจ สะใจกันเต็มๆ คือบู๊ล้างผลาญ ฮาขี้แตกในเวลาเดียวกัน

          แต่ต้องบอกก่อนว่า หนังเรื่องนี้ถูกจัดเรทเอาไว้ มันไม่ใช่หนังฮีโร่ที่เด็กตัวเล็กๆจะเข้าไปดู เพราะมีฉากรุนแรง ฆ่ากันเลือดสาดแบบขาดกันจะจะให้เห็นตลอดเรื่อง ดังนั้นผู้ปกครองควรพิจารณา เพราะฉากแอ็คชั่นนี่แหละที่จัดหนักมากๆ จึงมีความรุนแรงเล็กน้อย แต่ก็สะใจคอดูหนังที่เป็นผู้ใหญ่แน่นอน

            ส่วนกิมมิคหลายๆอย่าง ที่เป็นเอกลักษณ์ และมุกของภาคแรก คือสิ่งที่เจมส์ กันน์ นำติดมาด้วย เหมือนเป็นการtribute เคารพให้กับงานของ David Ayer พอสมควรในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุกที่เอาตัวละครมาฆ่าทิ้งเล่นแบบฮาๆ โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เปิดตัวมาอย่างเท่ แล้วตายภายในสามวิ ยังคงมีให้เห็นอยู่ ไม่ต่างอะไรกับสภาพของ Slipknotในภาคแรก หลายๆอย่างผมว่าเจมส์ กันน์ ทำเพื่อหนังภาคแรกจริงๆ และตัวละครเมนหลักฝั่งผู้ชายนอกจากฮาร์ลีย์ ควินน์ ที่ขาดไม่ได้แล้วนั้น การนำแสดงโดย Idris Elba คืออะไรที่สุดยอดมากๆ พี่แกโคตรเท่ เช่นเดียวกันกับตัวเด่นๆอีกคนอย่าง “John Cena” ในบท Peacemaker คือตัวสำคัญที่เด่นมากจริงๆในภาคนี้ รวมถึง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน พระเอกในตำนานที่มาให้เสียงพากย์ คิงชาร์ค หรือ นานาเอ ครึ่งคนครึ่งฉลาม

             ซึ่งการใส่ตัวละครอย่าง คิงชาร์คเข้ามา รวมถึง วีเซิล ด้วยนั้น คือเอกลักษณ์ของเจมส์กันน์ที่อยากจะทำให้หมอนี่กลายเป็น “กรูทคนใหม่” แห่งจักรวาลดีซีแบบเล็กๆ ซึ่งความน่ารักและความแบ๊วของคิงชาร์ค ก็ได้ใจผู้ชมจริงๆ พร้อมช็อตโหดเลือดสาด สมราคาตัวที่รอคอย คิงชาร์คนี่คือแย่งซีนสุดๆด้วยความน่ารัก และโหดมันฮาในเวลาเดียวกัน

             The Suicide Squad ทำได้ดีตั้งแต่การCast ตัวละคร การเขียนบท การดำเนินเรื่อง ถ่ายทอด สอดแทรกมุก และจัดหนักจัดเต็มฉากต่อสู้ ฉากแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญ แม้กระทั่งไคจูยังจัดมาให้ในหนังเลย! พร้อมด้วยบรรยากาศซึ้งๆในหลายๆพาร์ทของเรื่อง

              ต้องบอกเลยว่า ครบรส ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่จะดูหนังเรื่องนี้ในโรงถ้าเป็นไปได้ คะแนนรีวิวผมจึงให้สูงถึง 9/10 ได้เลย ภาคนี้ดีจริงๆ และอยากจะดูอีกเรื่อยๆ เพราะมันสนุกจริงๆ ตัวละครก็เอามายำเอามาเล่นได้มากมาย ในภาคนี้ตัวมีสีสันๆเพียบ โดยเฉพาะ Polka-dot Man นี่คือตัวฮาของจริง

คุ้มค่าแก่การรอคอยมากๆ The Suicide Squad หาดูกันให้ได้ครับ