Movie

รีวิว “The Batman” เรียลให้สุด กับจุดเริ่มต้นสู่ความสมบูรณ์แบบในอนาคต [spoiler alert] 9/10

หัตถาครองพิภพ March 21, 2022

รีวิว “The Batman” เรียลให้สุด กับจุดเริ่มต้นสู่ความสมบูรณ์แบบในอนาคต [spoiler alert] 9/10

 

          นี่คือหนังที่แฟนบอยทั่วโลกรอคอยอีกหนึ่งเรื่องซึ่งได้ลงจอภาพยนตร์ฉายให้ได้ชมกันแล้วในวันนี้ สำหรับบทใหม่ของอัศวินรัตติกาล “แบทแมน” ที่ไม่ว่าจะสร้างมากี่ครั้งก็ยังได้รับความนิยม เปลี่ยนแปลงรูปแบบหนังไปตามยุคสมัย จนกระทั่งปี 2022 หลังจากที่ DCEU ล่าสุดที่เราได้ชมกันก็คือหนังเรื่อง Wonder Woman 1984 รวมถึง Zack Snyder’s Justice League ออกมาได้ให้ชม ก็ยังพอจะเหลือทางให้ไปต่อได้บ้าง จากหนังภาคต่ออีกหลายๆเรื่องที่ถ่ายทำกันอยู่ รวมถึงอควาแมนภาค2ด้วย

 

           แต่คราวนี้เป็นเหมือนหนังภาคแยกใหม่ จาก DCEU (คล้ายๆกับตอน Joker 2019) โดยที่แบทเบนเดิมที่ถอนตัวจากโปรเจ็คไป คนที่เข้ามารับบทเป็นแบทแมนคนใหม่คือ โรเบิร์ต แพททินสัน แวมไพร์หน้าหล่อ ที่พร้อมจะสลัดภาพนั้นทิ้ง และเปิดตัวโชว์ฝีมือการแสดงอีกครั้ง ในหนังที่มีชื่อเต็มๆว่า “The Batman”

 

            จุดแรกที่เราต้องพูดถึงก่อนเลยก็คือ เรื่องราวการแสดงของแพททินสัน ที่เราก็คาดหวังและอยากจะเห็นว่าเขาทำได้ดีเพียงใดในการรับบทเป็นตัวเอกที่มีน้ำหนักของการดำเนินเรื่องค่อนข้างมาก เพราะตัวเขากับชื่อหนังก็เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่แล้ว เพราะหนังขายความเป็นแบทแมน แต่สิ่งที่ The Batman และแพททินสันแสดงออกมาให้เห็นในหนังภาคนี้ นั่นก็คือความแตกต่างไปจากแบทแมนภาคก่อนๆมาก ที่มัน “เรียล” จัดๆ เรียลยิ่งกว่าเดิมหลายขุม

 

แบทแมนเดินดุ่มๆกลางผู้คนมากมายตลอดทั้งเรื่อง ทำงานร่วมกับกู้ภัยงี้ มันจะไม่เรียลยังไงไหว!!!

 

           เพราะเมื่อหันกลับไปดู The Dark Knight หรือ BVS, Justice League ก็กลายเป็นว่าแบทแมนเหล่านั้นยังมีความเวอร์ ความคอมิคอยู่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว เมื่อเทียบกันกับ The Batman นี่คือหนังสืบสวนสอบสวนที่แทบจะไม่มีอะไรเหนือความเป็นจริงเลย ทุกสิ่งเป็นเหมือนเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมเมืองหนึ่ง และมีคนอย่างแบทแมนที่มีชื่อเสียงอยู่ในเงามืด และเป็นดั่งความกลัวของเหล่าผู้กระทำความผิดพวกนั้น

 

            อย่างเดียวที่ดูจะเรียลน้อยที่สุด และดูเหมือนจะไม่เรียลเลย(ฮา) นั่นก็คือไอ้บ้าคนนึงซึ่งเป็นพระเอก มีทรัพย์สินมากมาย และใส่ชุดสีดำหูแหลมเป็นแบทแมนเนี่ยแหละ เป็นอย่างเดียวที่ดูขัดจากความสมจริงบนโลกใบนี้ แต่นอกนั้นคือหาได้ตามโลกภายนอกทั่วไป ไล่ตั้งแต่คอสตูมของตัวโกงอย่าง The Riddler ก็เป็นชุดที่คนบนโลกนี้ใส่ หรือแม้กระทั่ง Batmobile ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่ารถแต่งที่เอาไว้แข่งซิ่ง ติดไนตรัสเอาไว้ไม่ต่างจากหนังตระกูล Fast

 

             และทีเด็ดที่เป็นสุดยอดของความเรียล หากไม่นับเรื่องพละกำลังของแบทแมนที่เท่ากับมนุษย์ธรรมดาของจริง แม้จะมีฝีมือเตะต่อย แต่ก็ยังมีเพลี่ยงพล้ำต่อตีนจำนวนมหาศาลของวายร้ายได้ จนกระทั่งร่างกายมีบาดแผลเต็มไปหมด

 

            จุดที่ชอบมากและถือเป็นไฮไลท์สำหรับผู้เขียนเลยก็คือ “ปีกแบทแมน” ที่สุดยอดของความสมจริง เพราะใช้เป็นชุดร่อนที่เป็น Wingsuit แบบคนใช้ร่อนในกีฬาเอ็กซ์ตรีมกันจริงๆ ถ้าไม่เกรงใจนึกว่านี่เป็นกระรอกบินด้วยซ้ำ ซึ่งฉากที่ต้องลงอย่างทุลักทุเลสุดๆ มันเป็นแก๊กในหนังนี้ที่ทำให้เราเข้าใจถึงแก่นแท้ของเรื่องจริงๆว่า แบทแมนภาคนี้ไม่ใช่แค่ว่าเป็นคนธรรมดา ไม่มีพลังพิเศษเพียงอย่างเดียวเหมือนแบทแมนภาคก่อนๆหน้านี้ไม่กี่ภาค เช่นของเด็จพ่อโนแลนเป็นต้น

 

            แต่ The Batman ของ แม็ท รีฟส์ ต้องการจะแสดงให้เห็นว่า แบทแมนคนนี้อาจจะ “มีอยู่จริง” บนโลกของเราด้วยซ้ำ ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวที่พยายามแสดงให้เห็นความดิบ ความเรียลของการต่อสู้ การผจญอุปสรรคต่างๆจนสภาพยับเยิน ในฉากเราก็จะเห็นพี่แบทหมดสภาพ หน้าเปื้อนดินเปื้อนโคลน โดนตัวโกงลากแบบไม่เป็นท่าบ้างก็มี

 

             แต่ทุกๆเรื่องราวใน The Batman ก็เป็นหนังสืบสวนอาชญากรรมแบบเต็มขั้น อารมณ์คล้ายดูคินดะอิจิที่ไม่มีการฆาตกรรมเว่อร์ๆ แต่เป็นเกมอาชญากรรมของเหล่าวายร้ายสไตล์คนบ้าจิตๆที่หลุดมาจาก รพ.อาร์คัม ประมาณนั้น

 

            แน่นอนว่าพล็อตโฮลบางอย่างของเรื่องนี้ที่ไม่เมคเซนส์ก็มีบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของ The Riddler ที่มีอยู่หลายๆเรื่อง โดยเฉพาะการยอมโดนจับและหาตัวเจอง่ายเกินไป ทั้งๆที่มันสมองที่ชอบวางปริศนา ควรจะเล่นงานจิตใจแบทแมนได้มากกว่านี้ และลงมือได้แนบเนียนกว่านี้ แต่สุดท้ายโผล่มายิงโต้งๆ แล้วก็โดนจับ

 

              เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ก็มีติดๆขัดๆอยู่บ้าง แต่โดยรวมเรากลับชอบแบทแมนภาคนี้เข้าขั้นหลงรักและอยากดูภาคต่อไปไวๆ ถ้ามี ตามที่หนังได้ทิ้งท้ายไว้ให้คิดต่อได้เลยว่า ภาคต่อไปคงจะหนีไม่พ้น “เขาคนนั้น” แน่ๆ หากว่ามีการสร้างขึ้นมา

 

              แพททินสัน VS มิสเตอร์เจ ที่อาจจะเป็น จาเร็ด, วาคิน หรือจะเป็นใคร เราก็ไม่อาจทราบได้ แต่คงจะเดือดและมีบรรยากาศที่เป็นปรปักษ์มากกว่านี้แน่นอน

 

              รายละเอียดที่มันเรียลมากๆของหนังยังมีอีกเยอะแยะมากมายจนแทบจะพูดไม่หมด หลายๆซีนสื่อและแสดงให้เห็นถึงนัยของการเป็นคนธรรมดามากๆของบรูซ เวย์น และแม้กระทั่ง The Catwoman ที่แสดงโดย โซอี้ คราวิทซ์ ลูกสาวหล่นใต้ต้นของเลนนี่ คราวิทซ์ ก็แสดงได้มีเสน่ห์น่าดูชม / เพนกวิน ถ้าไม่เปิดข้อมูลดู ใครจะรู้ว่านั่นคือโคลิน ฟาเรล แต่ตัวที่ผมชอบมากๆคือ อัลเฟร็ด ที่เล่นโดย แอนดี้ เซอร์คิส มาดโคตรนิ่งและอบอุ่นโคตรๆ

 

             เรียกว่าสมกับการรอคอย ไม่ผิดหวัง และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการจะทำไตรภาคนี้ เพราะเท่าที่สังเกต บรูซ เวย์น หรือ แบทแมนคนในภาคนี้ดูเหมือนจะยังไม่ประสีประสาอะไรมากมาย เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยรุ่น หุนหัน และเลือดร้อน พร้อมที่จะเป็นแบทแมนที่ perfect ขึ้นในภาคต่อๆไป และจะกลายเป็นนักล่ายามราตรีที่สมบูรณ์

 

              โดยรวมถือว่าดี หนังดาร์คมากๆในด้านงานภาพ ส่วนพล็อตเรื่องไม่ได้ถือว่าดาร์คขนาดนั้น เพราะเค้าทำให้มันเรียล แค่สีฉาก โทนสีหนังมันมืดๆเท่านั้นเอง ฉากแอ็คชั่นสวยๆ งานอาร์ทสวยๆมีให้เห็นเพียบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะฉากแบทแมนโผล่มาเป็นช็อตๆตอนสู้ในเงามืดนี่คือทรงพลังมากๆทุกฉาก รับรู้ได้เลยว่า ความกลัวที่แท้จริงเป็นยังไง

 

ถ้าบ้านเรามีแบทแมนแบบนี้อยู่ในโลกความเป็นจริงบ้างก็คงดี

 

               Review Score : 9/10 ให้คะแนนความแปลกใหม่ และไม่คาดคิดว่าจะทำให้แบทแมน ดูเหมือนจะมีอยู่จริงบนโลกนี้ และทุกอย่างคือความดิบเถื่อนแบบเรียลๆ มีมุกสอดแทรกเป็นระยะๆที่หากใครเก็ทหรือขำทันก็จะลดความหนักของหนังไปเยอะ แม้จะสอดแทรกมาในจังหวะที่ซีเครียสๆกันอยู่ก็ตาม

 

             ค่อนข้างมั่นใจว่าแฟนบอยแบทแมน และแฟนหนังซุปเปอร์ฮีโร่ น่าจะชื่นชอบ “The Batman” และอยากเห็นหน้าหล่อๆเท่ๆของแพททินสัน ในร่างบรูซ เวย์น ที่เติบโต และใจนิ่งกว่านี้ในภาคต่อๆไป กับการดวลกับ “Joker” ที่เรารอคอย

 

ดูในโรงสถานเดียว ไม่รีบก่อนหนังออกแล้วจะเสียใจ

The Batman