“เส้นขนาน” เพลงสะท้อนความเป็นจริงที่โหดร้ายในสังคม จาก DAX ROCK RIDER

          มันคือบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ความสามารถในการร้องเพลงของพี่แด๊กซ์ ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ในตัวมากๆในด้านของเสียงร้องที่ไม่มีใครเหมือน และอยู่คู่กับวงการเพลงไทยมาหลายสิบปีแล้วนับตั้งแต่สมัยเพลงทางผ่านจนกระทั่งถึงบัดนี้ ซึ่งในบรรดาผลงานที่ผ่านมาของพี่แด๊กซ์ในนามวงร็อคนั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์คือ เพลงที่พูดถึงสังคม และเสียดสีแบบแสบๆในบทเพลง เป็นแนวทางที่พี่แด๊กซ์สามารถร้องออกมาได้ดีมาก เพราะเสียงของพี่แด๊กซ์มันมีมิติอะไรบางอย่างที่เราฟังแล้วเชื่อว่า มันคือเรื่องจริง มันคือความเป็นจริง ที่มีความดุดัน และความเรียลอยู่ในนั้น

เพลงนี้คือเพลงที่สะท้อนเหตุการณ์ปัจจุบันได้อย่างเจ็บปวดที่สุดแล้ว ในเพลงที่มีชื่อว่า “เส้นขนาน”

          เพลงนี้พี่ฟองเบียร์เป็นคนแต่งเนื้อร้องและทำนอง กับความหมายในเพลงที่ต้องการจะสื่อถึง “ความจริง” (Truth) กับ “โลกแห่งความเป็นจริง” (Real World) ในสังคมเมืองไทยของบ้านเรา ดูเหมือนว่ามันจะไปด้วยกันไม่ได้ จากอิทธิพล อำนาจ เงินตราทั้งหลาย สามารถที่จะบิดเบี้ยวมิติต่างๆเหล่านี้ให้มันไม่สามารถมาพบกันได้

          พูดง่ายๆว่า มันสามารถทำให้ ความจริง ไม่ปรากฏบนโลกแห่งความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ เปรียบเสมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน เพราะคำว่าขนาน มันคือการที่วางตัวอยู่ด้วยกัน แต่ไม่มีทางมาเจอกันได้

ความจริงไม่เกิดขึ้นในสังคม ในขณะที่ สังคมก็ไม่ใช่ตัวแทนของความจริง

          เพลงนี้เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างเข้มและซีเรียส เพลงจึงออกมาด้วยโทนที่ดุดันกว่าปกติ เน้นความเป็นร็อค และนำเสนอเนื้อหาผ่านการร้องที่ค่อนข้างจริงจังมากๆ บนสำเนียงที่เราฟังและเราเชื่อว่ามัน “จริงจัง” มากๆ และผมเชื่อว่าผู้ฟัง

          เพลงนี้และได้ดูเอ็มวี ก็คงจะรู้กันอยู่แล้วว่า เพลงนี้จะสื่อถึงเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา กับความจริงที่ถูกถ่างออกไม่ให้เกิดขึ้น แต่เราก็รับรู้ได้ว่ามันอยู่ตรงนั้น เหมือนเส้นที่อยู่คู่กันสองเส้น รับรู้ว่ามีกันและกัน ขนานกันอยู่ แต่จะไม่มีทางมาเจอกัน

           เพลงนี้ได้ความน่าเชื่อถือที่เป็นเหมือนตัวแทนของคนที่ต้องการความจริงในสังคม ด้วยการดึงเอาทนายตั้ม มาเป็นตัวเอกของเอ็มวีนี้ ผ่านเรื่องราวที่สะท้อนอะไรบางอย่าง และเป็นเหมือนการย้อนรำลึกความหลังไปยังเพลงเดี่ยวของพี่แด๊กซ์อย่าง “กลับตัวกลับใจ” ด้วย ที่มันมีความรู้สึกบางอย่างRelateกันอยู่ กับนักแสดงนำของทั้งสองเพลงนี้ที่ต่างก็เป็นตัวแทนของความจริง และการต่อสู้เพื่อสังคมนี้เช่นกัน

          เชื่อว่าเจตนาของผู้ทำ ไม่ได้ต้องการจะให้เป็นดราม่าหรือตอกย้ำเรื่องราวความสูญเสียใดๆ แต่อยากจะให้เรื่องนี้มันเป็นประโยชน์ในการสื่อสารออกมาทางเสียงเพลง และเนื้อเรื่อง เพื่อที่จะจุดประกายความหวังในสังคมว่า อย่างน้อยพวกเราทั้งหมดก็รับรู้ว่ามันเกิด “เส้นขนาน” นี้เกิดขึ้น

          และเราจะทำยังไง เพื่อให้สังคมและโลกความเป็นจริงที่มีอยู่ มันดีขึ้น โดยแสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏนั่นเอง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และเราต้องช่วยกันรักษามันเอาไว้ให้ได้เพื่อลูกหลานเราในอนาคต

         ถ้าคุณรักบ้านนี้เมืองนี้ และห่วงอนาคตของประเทศชาติและลูกหลาน ก็ช่วยกันร่วมแรงร่วมใจทำให้ “ความจริง” มันเกิดบน “โลกแห่งความจริง” ให้ได้

ขอถามครั้งสุดท้ายว่า เราจะยอมให้มันเป็นแบบนี้ และจะอยู่กันแบบนี้จริงๆเหรอ?

ไม่มีทาง!!!!!