“ส่งเธอออกไป” จาก Cocktail สัจธรรมตลอดกาลที่ถ่ายทอดผ่านหนังสั้นและเสียงเพลง

         เป็นเวลา 5 ปีมาแล้วที่เราเคยดู Short Film กาลเวลาพิสูจน์คน ประกอบเพลงของวงดนตรีที่แฟนเพลงจำนวนมากต่างรักในเสียงดนตรีของพวกเขา “Cocktail” วันนี้คืออีกหนึ่ง Short Film ประกอบเพลงของวงค็อกเทล ที่ทำให้บทเพลงมันสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

          ตัวเพลงต้องสมบูรณ์เพราะหนังสั้นเรื่องนี้? เปล่าเลย คำว่าสมบูรณ์คือ ความต้องการที่จะอธิบายคอนเซปต์ของ “รักแท้” จากคุณโอม ตัวบทเพลงนี้จริงๆก็ถือว่าลึกซึ้งและครบถ้วนมากๆแล้ว แต่หนังสั้นที่มีชื่อว่า “แดนอนันต์” (Neverland) ที่กำกับโดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ทำให้สารที่วงต้องการจะสื่อกับผู้ฟังและผู้ชมมันอัดแน่นยิ่งกว่าเดิม

         พูดถึงเรื่องหนังสั้น “แดนอนันต์” ก่อนในเบื้องต้นที่นำแสดงโดย บอย ปกรณ์ แพท ชญานิษฐ์ และ มินซึล ความยาว 29.07 นาทีเรื่องนี้ บอกเลยว่าถ้าไม่ดูอาจจะงงกับตัวเอ็มวีเพลงหลักนิดหน่อย ถ้าใครจะเน้นฟังเพลงอย่างเดียวไม่อยากปะติดปะต่อภาพในเอ็มวีหลักคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครอยากรู้เรื่อง คุณต้องมาดูหนังสั้นเรื่องนี้เท่านั้น ซึ่งเอาจริงๆความยาวครึ่งชั่วโมงไม่ได้ยาวอะไรเลย ถ้านั่งดูหนังไปเรื่อยๆ มันกระชับกับพล็อตใหญ่ของหนัง และซับพล็อตทุกอย่างที่ถูกใส่มาเพื่อสื่อความหมายอย่างพอดี ไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป ครึ่งชั่วโมงกำลังดีเลย 

         เนื้อหาในหนังสั้นเรื่องนี้มีความเป็นหนังไซไฟที่แฝงความลึกลับ ความตื่นเต้น และบรรยากาศที่แอบสะพรึงอยู่เล็กๆ เพราะธีมของมันคือบ้านอันโดดเดี่ยวในพื้นที่กลางป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเหมือนก้าวข้ามจากอาณาเขตของโลกใบนี้ไปแล้ว และถ้ำลึกซึ่งมีวัตถุทรงภูมิปัญหาซึ่งมีพลังอำนาจมหาศาลพอที่จะดลบันดาลให้ทุกอย่างเป็นจริงตามใจคิด

         ภาพทางเข้าอันรกร้างที่โคตรจะไม่น่ามีอยู่จริง กับสภาพภายในที่มีบ้านสวยๆหลังหนึ่ง มีอาหารการกินอะไรครบครัน ทุกอย่างเหล่านี้ค่อนข้างเซอร์เรียลมากๆ ดังนั้นมันอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่โลกจริงก็ได้

         หนังนำแสดงโดยตัวละครสามคนพ่อแม่ลูก คือ แทน มุก และ เบลล์ หนังเล่าเรื่องด้วยอาการป่วยหนักของมุก และแทนก็ขับรถไปจอดยังที่ๆหนึ่ง และเจอพื้นที่เหนือที่เป็นเหมือนเส้นเขตแดนของโลกมนุษย์ กับ “ที่อื่น” ที่เป็นคนละภพกับโลกใบนี้

        การเล่าเรื่องตรงนี้เมื่อดูจนจบและย้อนกลับมาคิด ค่อนข้างชัดเจนว่าตรงพื้นที่ที่มีสะพานนั้น มันคือสัญลักษณ์ของเขตแดนโลกมนุษย์ กับอีกโลกที่เป็นดินแดนความเป็นความตาย

         หนังเรื่องนี้คนที่มาเจอกับเขตแดนดังกล่าวคนแรกคือ “แทน” เพราะงั้นแล้วค่อนข้างชัดเจนและเป็นไปได้สูงว่า คนที่ป่วยจริงๆ และ “ตาย” อาจจะเป็นแทนก็ได้ แต่ “จิต” ของแทนยังคงผูกและมีห่วงอยู่กับครอบครัวที่เหลือของเขา ก็คือมุก และ เบลล์ จนเดินทางเข้าไปในถ้ำ และร้องขอกับ “อนันต์” ที่เป็น Sphereลึกลับลอยอยู่ในถ้ำ หากว่ามันเป็นหนังไซไฟอย่างที่คนดูเข้าใจ ไอ้ลูกกลมยักษ์นี่ก็น่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวสปีชีส์หนึ่ง หรือไม่ก็อาจจะเป็นดวงจิตระดับพระเจ้าของโลกใบนี้ก็ได้

           แต่เมื่อย้อนกลับมาดูเรื่องที่แทน ข้ามเส้นโลกมนุษย์ และเหมือนกับเหลือแค่ดวงจิตที่ร้องขอต่อ “อนันต์” แล้ว ภาคการตีความตรงนี้ อนันต์อาจจะเป็นตัวแทนของ “สัจธรรมของทุกสรรพสิ่ง” ที่ถือกำเนิดจากความว่างเปล่า

อนันต์ อาจจะเป็นกาลเวลาที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไป ไม่มีอะไรเที่ยงแท้และยั่งยืน

อนันต์ อาจจะเป็น “ความตาย” ก็ได้เหมือนกัน เพราะการตายของมนุษย์ก็ถือเป็นการเข้าสู่นิทราตลอดกาลเหมือนกัน

           เมื่อดูเรื่องราวจนจบแล้ว มันจึงสอดคล้องในเรื่องที่ว่า สุดท้ายแล้วดวงจิตของแทนก็มาอยู่ที่นี่ จากนั้นการที่เขาแลกเงื่อนไขสุดท้ายกับอนันต์เพื่อให้สองคนนั้นรอดชีวิตออกไปข้างนอก จริงๆมันคือการ “ปล่อยวาง” หมดห่วงลูกเมีย แล้วก็ปล่อยให้เขาอยู่กันเองให้ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเขา(แทน)อยู่ในนั้น

โคตรลึกซึ้งจริงๆ

            จากนั้นเมื่อเบลล์โตขึ้นมา แข็งแรง และมีชีวิตที่ดี หลังจากที่พ่อส่งเธอให้เกิดขึ้นมา แม่ส่งเธอให้เติบโตได้สำเร็จ สุดท้ายแล้วเมื่อถึงเวลา แม่ก็เดินกลับมาสู่เขตแดนNeverland เขตแดนของความตายอันเป็นอนันต์อีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มของลูกที่ทำใจ และเข้าใจได้ รวมถึงดีใจที่สุดท้ายแล้วแม่กับพ่อก็ได้เจอกันอีกครั้ง เมื่อเวลาของทั้งสองคนมาบรรจบ

           นี่คือหนังสั้นประกอบเพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยดูมา เอาจริงๆมันดีในระดับหนังยาวแบบเต็มๆที่ควรค่าแก่การดูและยกย่องอย่างมาก

           มาสเตอร์พีซจากค็อกเทลและคุณมะเดี่ยวจริงๆที่ร่วมกันทำงานนี้จนสำเร็จ รวมถึงนักแสดงหลักสามคนที่เล่นดีโคตรๆ และทีมงานทุกคน มันสุดจริงๆ คารวะเลย 

         เรื่องของหนังสั้นคือพาร์ทที่จริงๆก็แล้วแต่จะตีความ ลูกกลมนั่นอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวจริงๆก็ได้ สามคนนี้อาจจะโดนหลอกไปทดลอง และอยู่ในฟาร์มของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาเหล่านี้ก็ได้ใครจะรู้ หนังสั้นมันปลายเปิดอยู่แล้ว แต่คอนเซปต์เรื่องความรักของเพลง “ส่งเธอออกไป” ของ Cocktail มันยิ่งสุดไปกว่านั้นอีก

           เพลงนี้คือแทร็คที่สองของอัลบั้ม FATE : Ωmega จากทั้งหมด 8 เพลงที่จะปล่อยให้ฟังกันแบบเต็มๆอัลบั้มทุกช่องทางในวันที่ 28 เมษายน 2565 นี้

           เอาจริงๆเราไม่อยากจะชมเยอะ (เดี๋ยวจะหาว่ามาเขียนอวย) ในฐานะคนฟังเพลงคนหนึ่งที่ยกย่องและรักในการฟังเพลงของ Cocktail ผมคิดว่าสิ่งที่คุณโอมพูดในคลิปอธิบายเรื่องเกี่ยวกับเพลง ส่งเธอออกไป ที่อัพให้ดูบนเพจวง ความยาว 3 นาทีที่อัดแน่นด้วยความหมายของ “รักแท้” บนจุดสูงสุดของความรักบริสุทธิ์จริงๆ

           รักคือความหวังดี ความห่วงใย และการให้คนที่เรารัก โดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน แม้กระทั่งการมีเราอยู่ในชีวิตของเขา หรือเงื่อนไขในความอยากได้ความรักนั้นตอบกลับมา

          เพลงนี้เป็นเพลงรักที่ไม่ได้พูดถึงการจะอยู่ไปด้วยกันจนชั่วฟ้าดินสลาย ไม่ใช่ แต่เพลงนี้ชื่อเพลงกลับเป็นการแยกออกจากกัน แทนที่จะอยู่ด้วยกันซะอีก แต่กลับสื่อความหมายของคำว่ารักได้ยิ่งใหญ่กว่าการพยายามจะอยู่กับใครสักคนไปให้นานที่สุดเสียอีก

          “ส่งเธอออกไป” ให้เธอมีความสุขกับสิ่งที่เธอต้องการ และอยู่ได้โดยไม่ต้องมีฉันเป็นเงื่อนไขในชีวิตของเธอ มันไม่มีการให้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักอีกแล้ว

          การเขียนเพลงรักที่หวานซึ้งในแบบทั่วๆไป เราเห็นกันมามากมายแล้ว แต่การเลือกเอาแง่มุมและคำที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่จะเป็น “เพลงรัก” อย่างคำว่า ส่งเธอออกไป เพลงที่ชื่อโคตรจะธรรมดา แต่คอนเซปต์คมกริบสุดๆในระดับป่าเถื่อนว่าคุณโอมแกลึกซึ้งขนาดแต่งเพลงรักที่ทรงพลังมากๆ โดยไม่จำเป็นต้องบอกรักหรืออยู่กับอีกฝ่ายไปตลอดกาล

           มาสเตอร์พีซในมาสเตอร์พีซ เพลงนี้เป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพลงหนึ่งของ Cocktail แน่นอน อาจจะไม่ใช่ในแง่ความโด่งดัง และตัวศิลปินอาจจะรักเพลงนี้เท่าๆกับเพลงอื่น แต่ด้วยการที่เพลงมีลายเซ็นความเป็นค็อกเทลอยู่เต็มที่ทั้งดนตรีร็อคผสมวงออเคสตร้า กับเมโลดี้และเนื้อร้องที่เป็นของคุณโอมเน้นๆ แถมเมโลดี้นี่คือกลิ่นอายชุดเก่าๆนี่คือมาเต็มมากๆ

สวยงาม หรูหรา และ ลึกซึ้งอย่างถึงที่สุด มันคือมาสเตอร์พีซที่บอกเล่าสัจธรรมชีวิต ผ่านหนังสั้นและเสียงเพลง