
Thai
Nothing To Lose ซ่า แบบ "เจนนิเฟอร์ คิ้ม"
YOU2PLAY December 23, 2005
สองสามปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าคนฟังเพลงในบ้านเราโดยเฉพาะคอ แจ๊ซ และอาร์ แอนด์ บี ได้คุ้นเคยกับผู้หญิงเสียงดี อารมณ์ขันที่ชื่อ "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" เป็นอย่างดี แต่เสียงเพราะ ๆ ของเธอนั้นส่วนมากจะมีให้ฟังกันในฐานะแขกรับเชิญ หรือไม่ก็เป็นเพลงประกอบละครไปเสียมากกว่า
และทุกเพลงก็รู้สึกจะโดนใจคนฟังไปซะหมด โดยเฉพาะล่าสุดที่ติดหูคนฟังชนิดที่กลายเป็นโลโก้ของคนร้องอย่างเธอไปแล้วเห็นจะเป็น "คิดถึงเธอทุกที ที่อยู่คนเดียว" ที่มาร้องแจมกับเสียงแซ็กโซโฟนของ โก้ มิสเตอร์ แซกแมน ล่าสุดหลังทิ้งไมค์ตัวเองในอัลบั้มเดี่ยว "JFK (หมวยใหญ่)" ภายใต้สังกัด สโตน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ มาตั้งแต่ปี 2535 ก็ถึงเวลาที่ผู้หญิงเสียงสวยอย่างเธอจะออกอัลบั้มเต็มของตัวเองสักทีกับ "นอตติ้ง ทู ลอส(Nothing To Lose)" ที่ออกจะพลิกภาพจากนักร้องเพลงรักซอฟ ๆ มาเป็นผู้หญิงเฉี่ยว เปรี้ยว ที่ขอล้ำไปกับแนวเพลง ฮิพ ฮอพ ผสมผสานไปกับอาร์ แอนด์ บี และกลิ่นแจ๊ซนิดๆ
จริงๆ ถ้าว่ากันด้วยภาพ หรือลุคของเธอคงไม่ทำให้แฟนเพลงแปลกใจอะไรนัก เพราะที่ผ่านมาก็เห็นเธอแอบเปรี้ยวตามประสาสาวซ่าอยู่บ้าง แต่ในเรื่องของแนวเพลงในอัลบั้มนี้ถ้าใครเป็นแฟนเพลงเก่าๆ (ที่ไม่ค่อยได้ดูเธอเล่นสด) คงไม่แค่แปลกใจแต่ต้องออกอาการประหลาดเต็มที แต่ต้องขอบอกว่าความประหลาดที่เป็นความใหม่ที่ได้ฟังในอัลบั้มนี้ได้บอกตัวตนและตอกย้ำคุณภาพของนักร้องอย่างเจนนิเฟอร์ คิ้ม ได้เป็นอย่างดี เพราะมันทำให้เห็นว่าเสียงสวยๆ ของเธอไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแนวเพลงใด แนวเพลงหนึ่ง ไม่ใช่แค่แจ๊ซ ไม่ใช่แค่ป๊อป หรือ อาร์ แอนด์ บี ที่คุ้นเคย แต่ฮิพ ฮอพ ออกแดนซ์กระจาย ยังเป็นสิ่งที่นักร้องหญิงคนนี้ทำได้อย่างดีเช่นกัน
"Nothing To Lose" เพลงเปิดชื่อเดียวกับอัลบั้มมาพร้อมกับจังหวะฮิพฮอพล้ำๆ ที่คนฟังไม่คุ้นชินที่จะเห็นและได้ยินเธอร้องในแบบนี้เท่าไหร่ แต่ต้องบอกว่าเลือกถูกแล้วที่ใช้เป็นเพลงเปิด เพราะงานนี้มันทำหน้าที่ทั้งเปิดอัลบั้ม และเปิดภาพใหม่ของตัวคนร้องได้อย่างดี แต่ถ้าจะพลาดคงเป็นเรื่องของเงาที่ชัดเจนในเพลงนี้ที่ฟังปุ๊บก็นึกถึงต้นแบบอย่าง เจนนิเฟอร์ โลเปซ ขึ้นมาทันที แถมเงาของสามสาวเดสทินี่ ชายด์ มาอีก โดยเฉพาะในท่อนฮุคที่ว่า "There"s nothing to lose but gain we live in the world that chang" และจังหวะแร็พในเพลง ซึ่งเพลงมีจังหวะเพลงอื่น ๆ ก็เจ๋งไม่แพ้กันไม่ว่าจะเป็น "หน้า 7 หลัง 7" และ "J.KIM" โดยเฉพาะเพลงหลังเป็นฮิพฮอพกลืนไปกันแดนซ์ได้อย่างสนุกสนาน ยิ่งได้เนื้อหาแสบ ๆ คัน ๆ เข้ากระแสสังคมอย่างอาการเบนโลที่คนไทยฮือฮากันมาพักหนึ่งแล้วละก็ยิ่งส่งให้อารมณ์เพลงมันไปกันใหญ่
ส่วนเพลงช้าที่ดูจะเป็นยี่ห้อของสาวคิ้ม แน่นอนว่ายังคงเรียกแฟนเพลงขาประจำได้อย่างดีอยู่ "สายไป" เพลงช้ากินใจถึงอารมณ์ที่เชื่อว่าหลายคนคงเคยตกอยู่ในเหตุการณ์ประเภทนี้ แล้วยิ่งได้น้ำหนักของอารมณ์และเสียงในสไตล์เพลงอาร์ แอนด์ บี แบบเจนนิเฟอร์ คิ้ม แล้วละก็ไม่ผิดหวัง เช่นกันกับเพลง "ประโยคสุดท้าย" ที่เธอกลั่นอารมณ์เต็มที่กับอาการปวดร้าว ซึ่งแน่นอนว่าทำได้ดีเช่นเคย นอกจากสองเพลงที่ว่าแล้วยังมี "LONELY" , "I luv ya babe" ที่น่าจะถูกใจหลายคน
ว่ากันมาถึงตรงนี้คงไม่ต้องบอกว่าอัลบั้มนี้น่าสนใจแค่ไหน เพราะในเรื่องของคุณภาพเสียงร้อง คนร้อง ในตำแหน่งของนักร้องนั้นคงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณแล้ว ส่วนเรื่องเพลงซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักนั้นบอกเลยว่าค่อนข้างลงตัวในแนวล้ำ ๆ ที่ฟังแล้วก็เข้ากับคนร้องอย่างเจนนิเฟอร์ คิ้ม ดี แต่ยังไงงานนี้คงต้องบอกว่าลิ้นใครรักชอบรสไหนคงต้องเลือกเอง